(VOVworld) – วันที่ 7 เดือนนี้ ที่ประชุมครั้งที่ 3 รัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 13 ได้หารือเกี่ยวกับการประเมินเพิ่มเติมผลการปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมและงบประมาณแผ่นดินปี 2011 และการปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมและงบประมาณแผนดินในช่วงต้นปี 2012 ซึ่งตามรายงานของรัฐบาล ในปี 2011 ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะประสบอุปสรรคแต่ก็ยังคงสามารบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ 15 ข้อจากทั้งหมด 22 ข้อ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการปฏิบัติมติที่ 11 เกี่ยวกับมาตรการแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ การสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจและการรักษาสวัสดิการสังคม แต่อย่างไรก็ตาม เรายังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่สำคัญคือ การบรรลุอัตราจีดีพีที่ร้อยละ 7 ถึง 7.5 โดยที่ผ่านมาบรรลุเพียง 5.89 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนในช่วงต้นปี 2012 รัฐบาลได้ประสบความสำเร็จในการลดอัตราการเพิ่มดัชนีผู้บริโภคหรือซีพีไอเหลือเพียงร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับปลายปี 2011 ซึ่งเป็นอัตราต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี พร้อมทั้งการเสียเปรียบดุลการค้าและดอกเบี้ยธนาคารก็ลดลง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจได้ตกอยู่ในภาวะการชลอโดยอัตราการขยายตัวจีดีพีในไตรมาสแรกของปีนี้บรรลุร้อยละ 4 เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ดังนั้นผู้แทนรัฐสภาหลายคนเห็นว่า เศรษฐกิจเวียดนามกำลังฟันฝ่าช่วงที่ลำบากและมีความเสี่ยงมากมาย ซึ่งการพัฒนาที่ไร้เสถียรภาพจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวของจีดีพีในปี 2012 ยากที่จะบรรลุร้อยละ 6 ได้  โอกาสนี้ ผู้แทนบางคนได้เสนอให้สิทธิพิเศษต่อการลงทุนในด้านการเกษตร ชนบทและเศรษฐกิจทางทะเล พร้อมทั้งปฏิบัติมติที่ 13 ของรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขอุปสรรคให้แก่การผลิต การประกอบธุรกิจและสนับสนุนการทำตลาด  นาย Tran Van Minh ผู้แทนรัฐสภาจ. Quang Ninh กล่าวว่า       “สำหรับตลาดภายในประเทศต้องส่งเสริมโครงการโปรโมชั่นต่างๆเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ โดยเฉพาะส่งเสริมการรณรงค์ให้ชาวเวียดนามใช้สินค้าเวียดนาม  สำหรับตลาดในต่างประเทศ ต้องส่งเสริมการค้ามากขึ้นเพื่อเพิ่มการส่งออก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องร่างโครงการปฏิรูประบบเศรษฐกิจที่มีคุณภาพและนำไปปฏิบัติโดยเร็ว”

ส่วนการที่รัฐบาลประกาศวงเงินช่วยเหลือรวม 29 ล้านล้านด่งและขยายเวลาเก็บภาษีนั้นยังไม่สามารถช่วยสถานประกอบการฟันฝ่าอุปสรรคได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นไม่ควรผ่อนปรนนโยบายการเงินในขณะนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะเงินเฟ้อและยุติการที่เครือบริษัทภาครัฐลงทุนในด้านที่ไม่มีความถนัด นาย Nguyen Cao Son ผู้แทนรัฐสภาจ. Hoa Binh เผยว่า“ ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือสถานประกอบการต่อไปด้วยการเลื่อนเวลาการเก็บภาษี การชลอการเก็บภาษีหรือการยกเลิกภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภค  แต่เพื่อลดแรงกดดันให้แก่ธนาคาร รัฐบาลควรสั่งให้ท้องถิ่นจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือการพัฒนาของสถานประกอบการและกองทุนปกป้องสินเชื่อของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม” ส่วนนาย Huynh Nghia ผู้แทนนครDa Nangได้เสนอว่า“ต้องมีมาตรการแก้ไขที่เข้มแข็งเพื่อให้เศรษฐกิจพัฒนายิ่งขึ้น โดยเน้นในด้านการผลิตและการบริโภค และปฏิบัตินโยบายสวัสดิการสังคมเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจถดถอย  ถ้าหากเราปฏิบัตินโยบายงบประมาณแผ่นดินและนโยบายการเงินได้อย่างพร้อมเพียงเราจะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้โดยเร็ว ดังนั้นผมขอเสนอให้รัฐบาลมีมาตรการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชั่นและการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยอย่างเคร่งครัด เรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศส่งเสริมแนวทางการบริโภคอย่างประหยัดและให้ความสนใจก่อนต่อสินค้าภายในประเทศเพื่อช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรค” ผู้แทนบางคนได้ย้ำถึงการแก้ปัญหาโรคระบาด ปัญหารถติดและการร้องเรียนเรื่องที่ดินเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนต่อทางการปกครองทุกระดับ./.