ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู (ภาพจาก AFP/TTXVN) |
ตามประกาศจากทำเนียบขาว ระบุว่า ในการหารือทางโทรศัพท์รอบแรกกับประธานาธิบดีปาเลสไตน์ อับบาส นับตั้งแต่ขบวนการฮามาสทำการโจมตีอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ได้ยืนยันจุดยืนในการสนับสนุน "ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วนให้แก่ชาวปาเลสไตน์ โดยเฉพาะในฉนวนกาซา" อย่างเต็มที่ โดยกล่าวถึงความพยายามของสหรัฐฯ ในการประสานงานกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลามออกไป ซึ่งผู้นำทั้งสองประเทศยังได้หารือถึงความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพในเขตเวสต์แบงก์และทั่วทั้งภูมิภาค ส่วนในการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ได้ย้ำถึงคำเตือนอีกครั้งเกี่ยวกับทุกความพยายามในการทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยยืนยันว่าทางการสหรัฐกำลังประสานงานกับสหประชาชาติและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพื่อคค้ำประกันให้ผู้คนสามารถเข้าถึงน้ำ อาหาร และการรักษาทางการแพทย์
ในวันเดียวกัน ณ กรุงบรัสเซลส์ นายกรัฐมนตรีเบลเยียม Alexander De Croo ได้ประท้วงการปิดล้อมฉนวนกาซาของอิสราเอล โดยย้ำว่า การสั่งตัดน้ำและไฟฟ้า รวมถึงสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้คนและเด็กๆ นั้นไม่ควรเป็นเป้าหมายในปัจจุบัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเบลเยียมยังเรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังทั้งหมด ส่วนองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ประท้วงการที่อิสราเอลออกคำสั่งให้ผู้ป่วยจำนวน 2,000 ราย พร้อมบุคลากรทางการเเพทย์ของโรงพยาบาล 22 แห่งในฉนวนกาซาทางตอนเหนือต้องอพยพออกจากพื้นที่ ซึ่งจะทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมและสาธารณสุขในปัจจุบันเลวร้ายลง ในขณะที่ทางการเม็กซิโก ฝรั่งเศส และยูเครน ได้เรียกร้องให้อิสราเอลเปิดระเบียงมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา เพื่อให้ทั้งสามประเทศนี้สามารถอพยพพลเมืองของตนได้.