(VOVworld) –บ้ายวันที่26พฤษภาคม หลังจากได้เดินทางถึงญี่ปุ่น นายกฯเหงวียนซวนฟุกได้เข้าร่วมการสนทนานโยบายทางเศรษฐกิจระดับสูงเวียดนาม-ญี่ปุ่นและกล่าวปราศรัยประเมินความสัมพันธฺหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่กว้างลึกเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในเอเชียระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นนั้นกำลังอยู่ในช่วงที่ดีงามที่สุดนับตั้งแต่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตพร้อมทั้งได้ยืนยันความตั้งใจของรัฐบาลเวียดนามในการสร้างสรรค์รัฐบาลที่สุจริตและโปร่งใสเพื่อรับใช้ประชาชนและพยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจเพื่อที่จะสามารถกลายเป็นหนึ่งในประเทศแนวหน้าของอาเซียนในด้านนี้“เวียดนามต้องสร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่ดีขึ้นในระดับแนวหน้าของอาเซียนตั้งแต่ช่วงปี2016-2017 ซึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ดัชนีการพัฒนาในด้านต่างๆเช่นโครงสร้างพื้นฐ่น ระเบียบราชการ การฝึกอบรมบุคลากรต้องได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะความเสมอภาคระหว่างเศรษฐกิจทุกภาคส่วนเพื่ออำนวยเงื่อนไขที่สะดวกให้สถานประกอบการต่างๆพัฒนา ถือสถานประกอบการเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนา สร้างงานทำและเพิ่มรายรับงบประมาณ เวียดนามจะยกเลิกกำแพงกีดกั้นทางการค้ารวมทั้งลดเวลาการพิจารณาการออกใบอนุญาตประกอบการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน โดยยกตัวอย่างการแก้ไขกฎหมายการลงทุนของเวียดนามที่ถือว่าเป็นความก้าวหน้าในระดับภูมิภาคนั้นได้ระบุกำหนดการออกใบอนุญาตประกอบการภายในเวลา15วันจากเดิมคือ45วันและในบางกรณีอาจจะใช้เวลาเพียง4-5วันเพื่อลดค่าใช้จ่ายของนักลงทุน”

นายกฯเวียดนามได้เรียกร้องนักลงทุนญี่ปุ่นลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการต่างๆในรูปแบบพีพีพี การบริการระดับสูงตลอดจนการแปรรูปสถานประกอบการภาครัฐเป็นหุ้นส่วน เกี่ยวกับการปฏิบัติทีพีพี นายกฯเหงวียนซวนฟุกเห็นว่าทั้งสองประเทศสามารถเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีขึ้นเป็น6หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี2020 และเวียดนามชื่นชทญี่ปุ่นเปิดตลาดนำเข้าผลไม้เช่นมะม่วงและแก้วมังกรจากเวียดนาม รวมทั้งปรารถนาว่าสินค้าต่างๆที่ผลิตในเวียดนามเช่น สัตว์น้ำ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคญี่ปุ่นมากขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคเวียดนามก็พร้อมรับสินค้าที่มีคุณภาพสูงจากญี่ปุ่นเช่นกัน .