ภาพการประชุม (VGP) |
นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เผยว่า ในตลอดเกือบ 2ปีที่ผ่านมา อนุกรรมการเศรษฐกิจสังคมของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่13ได้ประชุมครบองค์ 6ครั้ง และประชุมเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมระยะปี2021-2030 แนวทางและหน้าที่พัฒนาเศรษฐกิจสังคมระยะปี2021-2025 พร้อมทั้งย้ำว่า ตั้งแต่ปลายปี2019 มาจนถึงปัจจุบัน โลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่าวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 1929-1933 และมีผลพวงต่างๆตามมา เช่น ปัญหาคนว่างงานและความไร้เสถียรภาพทางสังคม นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งส่งผลกระทบในทางลบต่อการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกของเวียดนาม “พวกเราได้พยายามฟันฝ่าความยากลำบากต่างๆ ซึ่งทำให้สถานะของประเทศและประชาชาติได้รับการยกระดับให้สูงขึ้น โดยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และให้การศึกษาส่วนกลางได้ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ปรากฎว่า ประชาชนร้อยละ 97 มีความเชื่อมั่นต่อมาตรการของพรรคและรัฐในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงน้ำใจและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ระหว่างพรรคกับประชาชนและเป็นพื้นฐานที่สำคัญให้แก่การฟันฝ่าอุปสรรคและพัฒนาประเทศให้ก้าวรุดหน้าต่อไปในเวลาข้างหน้า”
นายกรัฐมนตรีฯได้เผยว่า ในสภาวการณ์ดังกล่าว อัตราการขยายตัวในด้านต่างๆได้เพิ่มขึ้น เช่น เวียดนามได้เปรียบดุลการค้ากว่า1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ การเก็บเกี่ยวได้ผลดีและหน่วยงานเกษตรยังคงตั้งเป้าหมายว่า มูลค่าการส่งออกในปี2020 จะอยู่ที่ 4 หมื่น1พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
บนเจตนารมณ์ดังกล่าว นายกรัฐมนตรีฯได้กำชับให้บรรดาผู้แทนหารือถึงการปรับปรุงร่างเอกสารต่างๆ รวมทั้งประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดต่อด้านต่างๆ ความท้าทาย อุปสรรค มาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดและฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมในปี2020
สำหรับแนวทางและหน้าที่ในเวลาข้างหน้า ต้องหารือถึงแผนพัฒนาระดับประเทศ หน่วยงานและด้านต่างๆ งานด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาด การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาแหล่งบุคลากร.