นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงพบปะกับประธานรัฐสภาโปรตุเกส

Chia sẻ
(VOVworld) – เวียดนามและโปรตุเกสสามารถให้การช่วยเหลือกันอย่างมีประสิทธิภาพในภารกิจการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รัฐสภาทั้งสองประเทศจะขยายความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทน

นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงพบปะกับประธานรัฐสภาโปรตุเกส - ảnh 1
นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงพบปะกับประธานรัฐสภาโปรตุเกส (Photo VNplus)

(VOVworld) – ในกรอบการเยือนประเทศสาธารณรัฐโปรตุเกส เมื่อวันที่3 มิถุนายน นายกรัฐรัฐมนตรีเหงวียนเติ๊นหยุงได้มีการพบปะกับนางมาเรีย เดอะ อาซันซาว ประธานรัฐสภาโปรตุเกสโดยย้ำว่า เวียดนามและโปรตุเกสสามารถให้การช่วยเหลือกันอย่างมีประสิทธิภาพในภารกิจการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รัฐสภาทั้งสองประเทศจะขยายความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทน
ส่วนประธานรัฐสภาโปรตุเกสได้ยืนยันว่า รัฐสภาโปรตุเกสสนับสนุนเวียดนามขยายความสัมพันธ์กับอียู ผลักดันให้รัฐสภายุโรปอนุมัติกรอบข้อตกลงหุ้นส่วนและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับอียู พร้อมทั้งสนับสนุนการเสร็จสิ้นการเจรจาว่าด้วยการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีเวียนดนาม – อียูโดยเร็วและการที่อียูจะรับรองระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามในช่วงเดียวกับการเสร็จสิ้นการเจรจาดังกล่าว
ในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงและรองนายกรัฐมนตรีโปรตุเกส ปาวโล ปอร์ตาส ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการสนทนาสถานประกอบการเวียดนาม – โปรตุเกสโดยมีสถานประกอบการทั้งสองประเทศประมาณ 120 แห่งเข้าร่วม ในการกล่าวปราศรัยในพิธี นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้ย้ำว่า ในเวลาที่ผ่านมา เวียดนามได้ประสบผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมโดยอัตราการขยายตัวในช่วงปี 1991-2010 เฉลี่ยบรรลุร้อยละ 7.5 มีประเทศและดินแดน 101 ประเทศที่มีโครงการลงทุนและกลุ่มบริษัทข้ามชาติชั้นนำของโลกได้เข้ามาประกอบธุรกิจในเวียดนาม สำหรับความสัมพันธ์เวียดนาม – โปรตุเกส นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้เผยว่า “ผมได้มีการเจรจาอย่างดีงามกับประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีโปรตุเกส ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่า ในตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือระหว่างสองประเทศได้ประสบผลงานที่น่ายินดี และยังมีศักยภาพมากมายเพื่อความร่วมมือพัฒนา โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายต่างมีความเชื่อมั่นต่อความสัมพันธ์อันดีงามที่มีอยู่และภายใต้กรอบด้านนิตินัยที่มีอยู่และข้อตกลงที่เพิ่งลงนาม เวียดนามและโปรตุเกสอาจผลักดันมูลค่าการค้าต่างตอบแทนจากกว่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2014 ขึ้นเป็น 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในเวลาข้างหน้า”./.

Komentar