นายกรัฐมนตรีเวียดนามเสร็จสิ้นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ

Chia sẻ
(VOVWORLD) -บ่ายวันที่19สิงหาคม ท่านเหงวียนซวนฟุกนายกฯได้เดินทางออกจากจังหวัดนครพนมกลับกรุงฮานอย เสร็จสิ้นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายกฯไทย ซึ่งก่อนเดินทางกลับเวียกนาม นายกฯได้มีการเยี่ยมเยือนและมอบของขวัญให้แก่บรรดาครูอาจารย์และนักเรียนที่ศูนย์วัฒนธรรมมิตรภาพนครพนม-ฮานอย
นายกรัฐมนตรีเวียดนามเสร็จสิ้นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ - ảnh 1นายกรัฐมนตรีเวียดนามพบปะกับผู้ประกอบการชาวเวียดนามที่อาศัยในไทย 

ในกรอบการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ  เมื่อเช้าวันที่19สิงหาคม ณ จังหวัดนครพนม  นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้มีการพบปะกับผู้ประกอบการชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทยในการนี้ บรรดาผู้ประกอบการชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทยได้ชื่นชมผลสำเร็จในด้านเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามในเวลาที่ผ่านมาและมีความประสงค์ที่จะร่วมมือและกลับเข้ามาลงทุนในเวียดนามในด้านต่างๆ  เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรและความร่วมมือด้านการส่งออกสินค้า  เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจ บรรดาผู้ประกอบการได้เสนอให้ผู้นำทั้งสองประเทศผลักดันการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบกและการบินระหว่างสองประเทศ เปิดเส้นทางบินระหว่างกรุงฮานอยกับจังหวัดนครพนม  สร้างกรอบความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างสองประเทศ รวมทั้ง การส่งแรงงานเวียดนามไปทำงานในประเทศไทย  ส่วนนายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้เผยว่า เวียดนามและไทยได้ตั้งเป้าหมายว่า จะเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี2020ขึ้นเป็น2หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ  ส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวและความร่วมมือด้านการลงทุน  พร้อมทั้ง แสดงความประสงค์ว่า สถานประกอบการของชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทยจะมีส่วนร่วมต่อการปฏิบัติเป้าหมายนี้ เป็นสะพานเชื่อมเพื่อขยายความร่วมมือทวิภาคี  ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างสองประเทศและผลักดันการจำหน่ายสินค้าเวียดนามในซุปเปอร์มาร์เก็ตของไทย   นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกยังเผยว่า รัฐบาลเวียดนามให้ความสนใจต่อการพัฒนาแนวเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตกและกำลังก่อสร้างเส้นทางไฮเวย์กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว-จังหวัดเหงะอาน รวมทั้ง มีแผนการก่อสร้างเส้นทางอื่นๆ 

นายกรัฐมนตรีเวียดนามเสร็จสิ้นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ - ảnh 2นายกฯพบปะกับชาวเวียดนามโพ้นทะเลในประเทศไทยกว่า500คน 

ในเช้าวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้ไปจุดธูปเพื่อรำลึกถึงประธานโฮจิมินห์ที่เขตอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ในจังหวัดนครพนมและพบปะกับชาวเวียดนามโพ้นทะเลในประเทศไทยกว่า500คน ในการนี้นายกฯได้กล่าวว่า "เวียดนามเสียเปรียบดุลการค้าไทย5พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องขอความร่วมมือจากชมรมชาวเวียดนามในประเทศไทยในการพยายามส่งเสริมการค้าเพื่อนำสินค้าเวียดนามเข้าตลาดไทยเพื่อสร้างความสมดุลกัน นอกจากนี้การเปิดเส้นทางเช่อมโยงในแนวเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตก เส้นทางหมายเลข12และเส้นทางคมนาคมทางอากาศ ทางทะเลจากไทยมาเวียดนามก็มีความสำคัญ ปัจจุบันมีเที่ยวบนระหว่างเวียดนาม-ไทย40เที่ยวต่อสัปดาห์แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ ดังนั้นต้องผลักดันช่องทางการเเลกเปลี่ยนระหว่างกันในด้านการค้า การท่องเที่ยวและวัฒนธรรมให้มากยิ่งขึ้น"

ก่อนหน้านั้น เมื่อค่ำวันที่18 สิงหาคม นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้มีการประชุมกับนาย  สมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม

ในโอกาสการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงวียนซวนฟุก ทั้งสองประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วม โดยย้ำว่า นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือเพื่อผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์  ให้คำมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านกลาโหม แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและช่วยเหลือการฝึกอบรม  เห็นพ้องที่จะทำการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและข้อตกลงช่วยเหลือด้านตุลาการ  ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันถึงคำมั่นที่จะไม่ปล่อยให้องค์การและบุคคลใดๆใช้ดินแดนของตนเพื่อทำลายความมั่นคงของประเทศอื่น   ขยายความร่วมมือเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี2020ขึ้นเป็น2หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ  ไทยจะส่งเสริมให้สถานประกอบการเข้ามาลงทุนในเวียดนามต่อไป  โดยเฉพาะ ในด้านที่จำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม พร้อมทั้ง แสดงความตั้งใจในการขยายความร่วมมือเพื่อเปิดเส้นทางรถโดยสารไทย-ลาว-เวียดนามและเส้นทางขนส่งริมฝั่งทะเลไทย-กัมพูชา-เวียดนาม  ผู้นำทั้งสองประเทศได้ยืนยันอีกครั้งถึงความสำคัญของการรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและเสถียรภาพในการเดินเรือในทะเลตะวันออก พร้อมทั้ง ย้ำว่า ฝ่ายต่างๆต้องค้ำประกันการปฏิบัติแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีอย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์  ยืนยันอีกครั้งถึงการสนับสนุนให้อาเซียนและจีนเสร็จสิ้นการจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็วและเห็นพ้องกันว่า ทะเลตะวันออกต้องเป็นเขตทะเลที่สันติภาพ เสถียรภาพและพัฒนาอย่างยั่งยืน.

Komentar