นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุ๊กเชิญชวนนักลงทุนด้านการประดิษฐ์คิดค้นผลิตภัณฑ์ 4.0 มาลงทุนในเวียดนาม (Photo VNplus)
|
ในการตอบข้อซักถามของนักลงทุนเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้เวียดนามพัฒนาอย่างเข้มแข็งในเวลาที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้กล่าวว่า นั่นคือระบบการเมืองและสังคมที่มั่นคงและความมุ่งมั่นตั้งใจทำการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศในตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยร้อยละ 6.7 ต่อปี และปี 2018 การขยายตัวทางเศรษฐกิจก็บรรลุร้อยละ 7.08 รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรอยู่ที่ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ เวียดนามมีกลไกและนโยบายที่อำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนา แก้ไขอุปสรรคให้แก่การผลิตและประกอบธุรกิจ บรรยากาศการประกอบธุรกิจได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มขีดความสามารถของเศรษฐกิจเวียดนามสะท้อนผ่านมูลค่าการค้าในปี 2018 อยู่ที่เกือบ 4 แสน 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้เปรียบดุลการค้า 7.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุ๊กเผยว่า เวียดนามและอียูกำลังเตรียมพร้อมให้แก่การลงนามและให้สัตยาบันข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม – อียูหรืออีวีเอฟทีเอและขอให้สถานประกอบการอียูที่เข้าร่วมการสนทนาผลักดันให้ข้อตกลงฉบับนี้ได้รับการลงนามโดยเร็ว สำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อสถานประกอบการทุกประเทศ เวียดนามมองว่านี่เป็นโอกาสที่ดีเพราะทุกประเทศจะแข่งขันกันผ่านการประดิษฐ์คิดค้น นอกเหนือจากการแข่งขันในรูปแบบเก่า เช่น การค้าเสรี ขอบเขต ประสบการณ์ แรงงานและเงินทุน
นายกรัฐมนตรีเวียดนามยังเผยว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิวัติสำหรับเทคโนโลยีเท่านั้น หากยังเป็นการปฏิวัติในด้านนโยบายอีกด้วย เวียดนามได้เปิดโครงการ “ Make in Vietnam 4.0” เพื่อผลักดันหน่วยงานอุตสาหกรรมพัฒนาบนพื้นฐานของนโยบายใหม่ ความคิดในการบริหารใหม่และเทคโนโลยีใหม่ ส่วนในวันที่ 24 มกราคม เวียดนามและ WEF จะลงนามข้อตกลงร่วมมือเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ณ ประเทศเวียดนามเพื่อเชื่อมโยงกับศูนย์การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 อื่นๆของ WEF ในสหรัฐและอียู การปฏิบัติข้อตกลงนี้จะช่วยให้เวียดนามกลายเป็นตัวอย่างด้านนโยบาย 4.0 ของภูมิภาค เวียดนามจะเดินหน้าจัดทำนโยบายอนุญาตให้ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ ประยุกต์ใช้รูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อให้บริการและมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นก้าวกระโดดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0
ในการสนทนาครั้งนี้ บรรดานักลงทุนได้แสดงความประทับใจต่อการพัฒนาของเวียดนามในตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งยืนยันการสนับสนุนข้อตกลงอีวีเอฟทีเอ.