จีนจัดตั้งอำเภอสองแห่งเพื่อบริหารหมู่เกาะหว่างซาและเจื่องซาของเวียดนาม

Chia sẻ
(VOVWORLD) -ข่าวจากเครือข่ายโทรทัศน์ภาคบริการโลกแห่งประเทศจีนหรือ CGTN รายงาน กระทรวงกิจการพลเรือนของจีนได้ออกประกาศเมื่อวันที่18เมษายนว่ารัฐสภาจีนได้อนุมัติมติจัดตั้งสิ่งที่เรียกว่า "อำเภอซีซา"และ "อำเภอหนานซา" สังกัด "นครซานซา" มณฑลไหหนาน 
จีนจัดตั้งอำเภอสองแห่งเพื่อบริหารหมู่เกาะหว่างซาและเจื่องซาของเวียดนาม - ảnh 1เกาะ Phú Lâm ในหมู่เกาะ Hoàng Sa ของเวียดนามที่ถูกจีนยึดครองผิดกฎหมาย (ภาพจาก CSIS/AMTI )

กระทรวงกิจการพลเรือนของจีนยังมีท่าทีที่อุกอาจเมื่อกำหนดสำนักงานของสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นคือสำนักงานของ"อำเภอซีซา"จะตั้งที่เกาะฟู้เลิมสังกัดหมู่เกาะหว่างซาของเวียดนามและ สำนักงานของ"อำเภอหนานซา"จะตั้งอยู่ที่โขดหินจื๋อเถิบสังกัดหมู่เกาะเจื่องซาของเวียดนาม  ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายสากลอย่างร้ายแรงโดยเฉพาะละเมิดอธิปไตยและอำนาจอธิปไตยที่ไม่อาจปฏิเสธของเวียดนามต่อหมู่เกาะสองแห่งคือหว่างซาหรือพาราเซลและเจื่องซาหรือสเปรตลี่ โดยโขดหินจื๋อเถิบเป็นหนึ่งในโครงสร้างทางกายภาพ7แห่งของหมู่เกาะเจื่องซาของเวียดนามที่ถูกจีนใช้กำลังอาวุธยึดครองอย่างผิดกฎหมายโดยไม่สนใจกฎหมายสากลเพื่อปรับปรุงให้เป็นเกาะเทียมเพื่อแปรแผนกุศโลบายเข้าควบคุมเขตทะเลตะวันออกเพียงฝ่ายเดียว ถึงแม้จีนได้ประกาศไม่มีการเคลื่อนไหวทางทหารในพื้นที่ทะเลตะวันออกแต่การกระทำต่างๆของจีนกลับสะท้อนสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดของจีน

เวียดนามได้ประกาศยืนยันอธิปไตยที่ชอบด้วยกฎหมายของตนเหนือหมู่เกาะสองแห่งคือหว่างซาและเจื่องซาและเรียกร้องให้จีนและฝ่ายต่างๆให้ความเคารพอธิปไตยของเวียดนามตามกฎหมายสากลหลายครั้ง โดยในการแถลงข่าวประจำเมื่อวันที่26มีนาคมที่ผ่านมาโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเลถิทูหั่งได้ชี้ชัดว่า "เวียดนามได้ยืนยันหลายครั้งแล้วว่า เวียดนามมีหลักฐานทั้งด้านนิตินัยและประวัติศาสตร์เพื่อยืนยันอำนาจอธิปไตยของเวียดนามต่อหมู่เกาะหว่างซาและเจื่องซาที่สอดคล้องกับกฎหมายสากล ดังนั้นทุกการเคลื่อนไหวในหมู่เกาะทั้งสองแห่งนี้ต้องได้รับอนุญาตจากทางการเวียดนาม ซึ่งเวียดนามเรียกร้องจีนให้ความเคารพอธิปไตยของเวียดนามและไม่มีปฏิบัติการที่เพิ่มความตึงเครียดและซับซ้อนให้แก่สถานการณ์ ส่งผลเสียต่อบรรยากาศที่สันติภาพและเสถียรภาพของทะเลตะวันออกและภูมิภาค รวมทั้งส่งผลกระทบต่อความพยายามของประเทศต่างๆในการเจรจาจัดทำซีโอซีระหว่างอาเซียนและจีน".

Komentar