ในการให้สัมภาษณ์นักข่าวของสถานีวิทยุเวียดนาม นาย ห่ากิมหงอก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เผยว่า  ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่มาเยือนเวียดนามตามคำเชิญของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม การเยือนนี้มีขึ้นประจวบกับโอกาสที่ทั้งสองประเทศรำลึกครบรอบ 10 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้าน ซึ่งเป็นการสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในรอบเกือบ 30 ปี รัฐมนตรีช่วย ห่ากิมหงอกย้ำว่า 

“การเยือนนี้แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองประเทศให้ความสำคัญต่อกันในนโยบายการต่างประเทศของตนและนโยบายต่อภูมิภาคเอเชีย-ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก  สำหรับสหรัฐ การเยือนนี้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐให้ความสำคัญต่อกลไกการเมืองของเวียดนาม บทบาทของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงวียนฟู้จ่องและผู้นำเวียดนาม ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่สำคัญในความพยายามร่วมของทั้งสองประเทศเพื่อปฏิบัติความปรารถนาของประธานโฮจิมินห์ที่ถูกระบุในจดหมายที่ส่งถึงนาย แฮร์รี่ ทรูแมน ประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1946 คือ เวียดนามอยากมีความสัมพันธ์ร่วมมือในทุกด้านกับสหรัฐ”

สำหรับด้านความร่วมมือที่ได้รับความสนใจระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในเวลาที่จะถึง นาย ห่ากิมหงอก เผยว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนเป็นด้านหลัก พื้นฐานและพลังขับเคลื่อนให้แก่ความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งสองประเทศยังเน้นผลักดันความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรม    การปรับเปลี่ยนด้านพลังงาน เทคโนโลยีชีวภาพ สาธารณสุขและเภสัชภัณฑ์ ความร่วมมือในการแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม  กิจกรรมการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ  การเพิ่มทักษะความสามารถด้านการเดินเรือและการบิน  การประสานงานในฟอรั่มระดับภูมิภาคและโลกเพื่อแก้ไขความท้าทายต่างๆของโลก  

ส่วนนาย เหงวียนก๊วกหยุง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศสหรัฐ ย้ำว่า การเยือนนี้ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะสร้างพลังขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีให้ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ ในกรอบการเยือน ประธานาธิบดี โจไบเดน จะมีการเจรจาและพบปะกับเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงวียนฟู้จ่อง ผู้นำของพรรคและรัฐเวียดนาม คาดว่า ทั้งสองประเทศจะลงนามข้อตกลงและสัญญาด้านเศรษฐกิจ มูลค่านับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เอกอัครราชทูต เหงวียนก๊วกหยุง ยังเผยว่า การที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาอย่างเข้มแข็งและมีเสถียรภาพไม่เพียงแต่นำผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมาให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศเท่านั้น หากยังสอดคล้องกับแนวโน้มแห่งสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนา มีส่วนร่วมต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอาเซียน การรักษาเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก.