(VOVworld)-  ที่ประชุมรัฐสภาวันที่25พฤษภาคมได้ทำการหารือเกี่ยวกับกฎหมายการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยฉบับแก้ไขและกฎหมายสหภาพแรงงานฉบับแก้ไข เกี่ยวกับ5ประเด็นใหญ่ของกฎหมายสหภาพแรงงานฉบับแก้ไขนั้น ที่ประชุมเน้นหารือใน3ประเด็นคือ สถานะทางนิติบุคคลของสหภาพแรงงาน องค์กรและชื่อเรียกของสหภาพแรงงานทุกระดับและปัญหาด้านงบประมาณของสหภาพแรงงาน ซึ่งความเห็นส่วนใหญ่ได้ยืนยันว่า สหภาพแรงงานเวียดนามเป็นสมาชิกที่สำคัญในระบบการเมืองและสังคม มีส่วนร่วมที่เข้มแข็งในการแก้ไขปัญหาต่างๆของแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างประชาชนกับพรรค นาย Pham Phi Hung ผู้แทนรัฐสภากรุงฮานอยเสนอ ผมเห็นว่า ชื่อขององค์กรสหภาพแรงงานควรคงไว้เหมือนเดิมที่แบ่งออกเป็น4ระดับคือ สหภาพแรงงานระดับพื้นฐาน ระดับจังหวัดและนครและสหภาพแรงงานเวียดนาม ส่วนการปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรสหภาพแรงงานอื่นๆควรมอบให้เป็นหน้าที่ของสหภาพแรงงานเวียดนามดูแล.

ที่ประชุมรัฐสภาทำการหารือเกี่ยวกับกฎหมายการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยฉบับแก้ไข (photo internet)

เกี่ยวกับร่างกฎหมายการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ได้ให้ความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ก่อนที่จะได้หยิบยกมาหารือในที่ประชุมรัฐสภานัดนี้เพื่อผ่านความเห็นชอบ  ร่างกฎหมายว่าด้วยการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเพื่อปรับปรุงการศึกษาของเวียดนามอย่างสมบูรณ์ตามความต้องการของยุคเปลี่ยนแปลงประเทศ ประเด็นสิทธิในการตัดสินใจและหน้าที่ความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยถือเป็นประเด็นหลักของร่างกฎหมายว่าด้วยการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย นางด่ามถิเฮืองสมาชิกรัฐสภาจังหวัดนิงถวนมีความคิดเห็นว่า “ ดิฉันเห็นด้วยกับข้อคิดเห็นของคณะกรรมาธิการรัฐสภาเกี่ยวกับการจัดตั้งสภาของมหาวิทยาลัย  การจัดตั้งนี้แสดงให้เห็นสิทธิในการตัดสินใจของสถาบันศึกษา ทำให้สถาบันเหล่านี้ดำเนินการอย่างคล่องตัวและมีความรับผิดชอบสูงต่อสังคม  อย่างไรก็ตามเพื่อให้สภาของมหาวิทยาลัยและคณะกรรมการบริหารของสถาบันเหล่านี้ดำเนินการอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพดิฉันขอเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรมมีหนังสือแนะนำการดำเนินงานอย่างละเอียด มีการตรวจสอบและจัดการกับผู้ที่กระทำความผิด”

เกี่ยวกับรูปแบบและโครงสร้างการจัดการตลอดจนระดับของสถาบันศึกษานั้น ที่ประชุมเห็นว่าควรเพิ่มมาตรฐานระดับของสถาบันเพื่อมีแผนการลงทุนและกลไกการบริหารที่เหมาะสม   ที่ประชุมรัฐสภายังเห็นด้วยกับการมีส่วนร่วมของสังคมในการพัฒนาการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐหรือเอกชน สำหรับมหาวิทยาลัยเอกชนควรจัดเงินส่วนต่างอย่างน้อยร้อยละ ๒๕ ระหว่างรายรับและรายจ่ายเพื่อการศึกษาและฝึกอบรมและกิจกรรมการกุศล ที่ประชุมยังเห็นด้วยกับการตรวจสอบคุณภาพการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยและการประกาศผลการตรวจสอบ  ควรเพิ่มประเด็นเกี่ยวกับหลักการณ์ เป้าหมาย ขั้นตอนและกำหนดเวลาการตรวจสอบ ./.