ภาพการประชุม (VGP) |
ก่อนการประชุมดังกล่าว นาย Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียน ได้ชื่นชมการประสานงานระหว่างประเทศต่างๆและบทบาทเป็นประธานอาเซียนของเวียดนามในการรับมือการแพร่ระบาด ส่วนดร. Malcolm Cook นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ISEAS ที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ได้ให้ข้อสังเกตว่า“เวียดนามมีความได้เปรียบในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในสภาวการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพราะรัฐบาลเวียดนามมีศักยภาพเพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียนท่ามกลางการรับมือการแพร่ระบาด สองคือเวียดนามเคยเป็นประเทศที่ยากจนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดังนั้นประเทศต่างๆในภูมิภาคจึงสามารถถอดประสบการณ์ต่างๆได้ สามคือในช่วงนี้ เวียดนามไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมากนักเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆในภูมิภาคจึงมีศักยภาพเพียงพอเพื่อปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียน”
ส่วนนาย Asano Katsuhito อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตปลัดสำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เผยว่า การจัดการประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของเวียดนามในการรับมือการแพร่ระบาดในปัจจุบัน รัฐบาลเวียดนามได้ปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาด ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้ประเทศต่างๆปฏิบัติตาม
นาย Thongphane Savanphet รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาว ได้ชื่นชมบทบาทของเวียดนามในฐานะเป็นประธานอาเซียนในการผลักดันการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียน พร้อมทั้งย้ำว่า แม้อาเซียนกำลังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ แต่เวียดนามยังคงเดินหน้ากระบวนการสร้างประชาคมอาเซียน ส่งเสริมบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนและองค์การระหว่างประเทศ
ส่วนนาย Grigory Lokshin จากศูนย์วิจัยเวียดนามและอาเซียนของสถาบันวิจัยตะวันออกไกลสังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์รัสเซียได้เผยว่า ในฐานะประธานอาเซียน เวียดนามได้มีปฏิบัติการที่เข้มแข็งเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีภายในกลุ่ม ส่งเสริมความพยายามร่วมกันในการรับมือการแพร่ระบาด ขยายความเชื่อมโยงเพื่อรับมือภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งมาตรการต่างๆของเวียดนามเพื่อเชื่อมโยงอาเซียนในการรับมือการแพร่ระบาดจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของอาเซียนและยกระดับบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในภูมิภาค รวมถึงปัญหาทะเลตะวันออก.