นักศึกษาเวียดนามมาดูภาพยนตร์ |
“นี่เป็นหนังไทยที่ซาบซึ้งใจและมีความหมายมาก สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน และเข้าถึงหัวใจคนดู เพราะในชีวิตจริง มีหลายๆ คน รวมถึงหนู เคยผ่านความรู้สึกนั้นมาก่อน อีกทั้งได้นำเสนอคุณค่าทางจิตใจมากมาย ซึ่งการที่สถานทูตไทยเลือกหนังเรื่องนี้มาฉายเป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ ความสัมพันธ์ในครอบครัวจะสามารถสร้างความเชื่อมโยงและความเห็นอกเห็นใจให้แก่ทั้งคนดูชาวไทยและชาวเวียดนาม เพราะพวกเราทุกคนต่างมีครอบครัวที่อยู่ด้วยกัน”
“หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ หนูรู้สึกว่า มันตรงกับชีวิตจริงมากๆ ทำให้พวกเราหวนคิดถึงสมาชิกในครอบครัวที่ โดยเฉพาะคุณยาย ทำให้รักบ้านเกิดของตนมากขึ้น และรู้สึกว่า ตัวเองต้องมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวด้วย ซึ่งวัฒนธรรมและเรื่องราวชีวิตที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทยได้ถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้หนูเองและคนดูทุกคนต่างรู้สึกมีความเชื่อมโยงและเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน”
นี่เป็นความรู้สึกของผู้ชมชาวเวียดนามเมื่อดูภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า ความยาว 125 นาที ซึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มชื่อเอ็มที่มีความฝันอยากเป็นสตรีมเมอร์ชื่อดัง วันหนึ่ง เอ็มได้รู้ว่า อาม่าเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เมื่อนึกถึงเรื่องลูกพี่ลูกน้องของตนได้รับมรดกเป็นบ้านหลังใหญ่เนื่องจากดูแลคุณปู่ เอ็มจึงตัดสินใจดูแลคุณยาย เพื่อหวังที่จะได้มรดกก่อนที่คุณยายจะจากไป ในระหว่างช่วงเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกับคุณยาย เนื่องจากเอ็มกับคุณยายมีวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ทำให้มีเรื่องราวที่ทั้งหัวเราะและร้องไห้ ยิ่งอยู่ใกล้คุณยายเท่าไหร่ เอ็มก็ยิ่งมองเห็นว่า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สำคัญและมีค่ามากกว่าเงินทองของนอกกาย
นางสาวอุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเวียดนามและบรรดาศิลปิน |
นางสาวอุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเวียดนาม ได้กล่าวถึงเหตุผลที่เลือก หลานม่า มาฉายในกรอบกิจกรรม “Amazing Thailand: Your Stories Never End - ยิ่งเข้าใจ ยิ่งรัก” ว่า
“มันเป็นเรื่องของครอบครัว เห็นคุณค่าของคุณยาย คุณย่า ในบ้าน เป็นเรื่องของสังคมที่คนกำลังแข่งกันทำงาน แข่งกันหาเงิน แล้วอะไรเป็นสิ่งที่มีคุณค่ากันแน่ ระหว่างการหาเงินกับความรักในครอบครัว หรือการเอาใจใส่ญาติผู้ใหญ่ของเรา ซึ่งมันเป็นค่านิยมร่วมระหว่างทั้งไทยและเวียดนาม ที่เราต่างเคารพผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่ในครอบครัว แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยฉายอยู่แล้ว แต่ที่หลายๆ คนเคยเล่าให้ฟังต่อๆ ว่า หลายคนอาจดูไม่ทัน เราก็เลยตัดสินใจเอาเรื่องนี้มาฉายอีก ภาพยนตร์โดยคนไทย ผู้กำกับเป็นคนไทย ถ่ายทำในประเทศไทย รวมถึงสิ่งที่คล้ายคลึงกับเวียดนาม ก็น่าจะทำให้ผู้ชมชาวเวียดนาม เข้าใจได้อย่างไม่มีปัญหา”
หลานม่า ได้มีการฉายในโรงภาพยนตร์เวียดนามรอบแรกเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2024 ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะกับผู้ชมทุกคนในครอบครัว ทั้งปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ลูกหลาน ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงความหมายต่างๆที่ภาพยนตร์เรื่องนี้อยากนำเสนอ คุญ เอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการกองวางแผนและผลิตสื่อ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เผยว่า
“ในเรื่องของ หลานม่า เราเป็นวัฒนธรรมเอเชียเหมือนกัน เป็นครอบครัวใหญ่เหมือนกัน มีความผูกพันในครอบครัวใหญ่ การเล่าเรื่องของหนังจะสัมผัสได้ถึงความเป็น big family ของคนไทยและคนเวียดนาม ซึ่งก็เป็นวัฒนธรรมเดียวกัน เราคิดว่า เรื่องนี้น่าจะถูกใจ คือ touch กับชาวเวียดนามด้วย คนไทยก็ชอบเรื่องนี้มาก คิดว่า เราสื่อสารกันด้วยภาพยนตร์ คนระหว่างสองประเทศจะใกล้ชิดกันมากขึ้น จริงๆ ก็ถือเป็น soft power อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจกันได้อีกด้วย”
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของบริษัทผู้จำหน่ายหนังเรื่องนี้ในเวียดนาม ภาพยนตร์ หลานม่า ทำรายได้ในช่วงเปิดตัวในเวียดนาม 650,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในการฉายรอบ sneak-show และ 3 วันแรก ซึ่งทำให้ หลานม่า กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในบ็อกซ์ออฟฟิศของเวียดนาม.
กล่องข้อมูล ก่อนที่สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการเปิดตัวในบ็อกซ์ออฟฟิศเวียดนาม หลานม่า ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ในไทย โดยสามารถทำรายได้มากถึง 250 ล้านบาทในไทยหลังเริ่มฉายได้ เพียง 2 อาทิตย์ กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดประจำปี 2024 และหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ทำลายสถิติเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดอันดับที่ 11 ในบ็อกซ์ออฟฟิศไทย โดยจนถึงวันที่ 5 มิถุนายน หลานม่า สามารถโกยรายได้มากถึง 320 ล้านบาท.