จุดประกายความสำนึกในการบริจาคกระจกตาในเวียดนาม

Thu Hang- VOV5
Chia sẻ

(VOVWORLD) -การบริจาคกระจกตาและอวัยวะเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์รักผู้อื่นเหมือนรักตนเองของประชาชาติเวียดนาม  ซึ่งการบริจาคนั้นเหมือนเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่ช่วยให้ผู้ป่วยนับพันคนมีชีวิตใหม่  ปัจจุบัน ในเวียดนาม  การบริจาคกระจกตากำลังได้รับการจุดประกายในสังคม

จุดประกายความสำนึกในการบริจาคกระจกตาในเวียดนาม - ảnh 1 การปลูกถ่ายกระจกตา

ปัจจุบัน ในเวียดนาม มีคนตาบอดนับพันคนเนื่องจากโรคกระจกตา ซึ่งคนกลุ่มนี้ต้องใช้ชีวิตในความมืดและกลายเป็นภาระให้แก่ครอบครัวและสังคม  ในหลายปีที่ผ่านมา ได้มีความหวังให้แก่คนตาบอดเนื่องจากโรคกระจกตาหลังจากที่คุณ เหงวียนถิฮวาในอำเภอกิมเซิน จังหวัดนิงบิ่งเป็นคนแรกที่บริจาคกระจกตาในเวียดนาม  ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีงามที่ช่วยจุดประกายความสำนึกในการบริจาคอวัยวะช่วยผู้อื่นในท้องถิ่น  โดยครอบครัวคุณ โด๋ถิเมอ หมู่บ้านเตยเกื่อง ตำบลเวินหาน อำเภอกิมเซินมี3คนที่บริจาคกระจกตา คุณแม่ของคุณเมอคือคุณเจิ่นถิกิ๊งและลูกชาย2คนได้บริจาคกระจกตาหลังจากเสียชีวิตเมื่อปี2010และ2011  เพื่อปฏิบัติตามตัวอย่างของคุณแม่ คุณ เมอก็ลงทะเบียนบริจาคกระจกตาหลังจากเสียชีวิต    

ส่วนสำหรับครอบครัวของคุณ เหงวียนถิลานก็ได้บริจาคกระจกตาของสามีที่เสียชีวิตเมื่อปี2016ตามความประสงค์ของสามี “ฉันก็ลงทะเบียนบริจาคกระจกตา6ปีแล้วเพื่อให้หลังจากที่เสียชีวิต ฉันจะบริจาคกระจกตาให้แก่คนตาบอดช่วยให้พวกเขามีโอกาสมองเห็น”

สภากาชาดตำบลวันหายได้เผยว่า ตำบลวันหายมีผู้นับถือศาสนาคริสต์6,000คน  ในหลายปีที่ผ่านมา วันหายเป็นหนึ่งในท้องถิ่นที่มีจำนวนผู้บริจาคกระจกตามากที่สุดของประเทศ  เมื่อปี2009  ผู้นับถือศาสนาคริสต์ในตำบลวันหาย6คนได้บริจาคกระจกตาและจนถึงขณะนี้ มีผู้ลงทะเบียนบริจาคกระจกตาเกือบ800คน

จุดประกายความสำนึกในการบริจาคกระจกตาในเวียดนาม - ảnh 2 เด็กหญิงหายอาน

เด็กหญิงหายอาน อายุ7ขวบถูกตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งตั้งแต่เดือนกันยายนปี2017 ถึงแม้ครอบครัวพยายามรักษาอย่างเต็มที่แต่ก็ทราบดีว่าโอกาสหายมีน้อย ดั้งนั้น คุณแม่ของหายอานจึงได้ติดต่อศูนย์ประสานการปลูกถ่ายอวัยวะแห่งชาติเพื่อขอบริจาคอวัยวะของลูกสาวเพื่อช่วยชีวิตคนอื่นเมื่อหายอานเสียชีวิต  แต่ตามข้อกำหนดของกฎหมาย ผู้ที่มีอายุ18ปีขึ้นไปมีสิทธิ์บริจาคอวัยวะ ดังนั้น ศูนย์ประสานการปลูกถ่ายอวัยวะแห่งชาติจึงรับบริจาคได้แต่กระจกตาของหายอานเท่านั้น

นายแพทย์ เหงวียนหึวหว่าง ผู้อำนวยการธนาคารจักษุของโรงพยาบาลจักษุเวียดนามได้เผยว่า  นี่เป็นการบริจาคกระจกตาที่สร้างความซาบซึ้งใจให้แก่ตัวเขามากที่สุดในตลอด10ปีที่เป็นหมอ ก่อนที่แพทย์จะตัดเอากระจกตาของหายอาน คุณแม่ของหายอานได้จูบเบาๆที่หน้าผากของลูกน้อยสุดที่รักแล้วบอกว่า “ลูกมอบแสงสว่างให้แก่เพื่อนคนอื่นนะลูก”

“คำสุดท้ายที่คุณแม่บอกกับหายอานได้สร้างความซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งให้แก่ผม หลังจากผ่าเอากระจกตาเสร็จ พวกเราก็รู้สึกซาบซึ้งใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคุณแม่บอกกับหายอานว่า “แม่ภูมิใจในตัวลูก” จนถึงขณะนี้ เมื่อคิดถึงคำพูดดังกล่าว ผมยังซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอเพราะความเสียสละอันสูงส่งของเด็กหญิงหายอานและครอบครัว”

การบริจาคกระจกตาของเด็กหญิงหายอานได้ช่วยให้ผู้ป่วยโรคกระจกตาอีก 2 คนสามารถมองเห็นได้ ภายหลัง5เดือน เมื่อเดือนกรกฎามที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเด็กอีกหนึ่งคนได้บริจาคกระจกตาคือเด็กหญิง  เหงวียนเวินญี อายุ12ปีในเขตบาดิ่ง กรุงฮานอย หลังจากที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลกุมารเวชส่วนกลาง  โรงพยาบาลตาส่วนกลางได้ปฏิบัติตามความประสงค์ของเวินญี  นาย เหงวียนหว่างฟุก รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปลูกถ่ายอวัยวะแห่งชาติได้เผยว่า เรื่องราวการบริจาคกระจกตาของเด็กหญิงหายอานและเวินญีได้ส่งเสริมให้คนอื่นบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย

การบริจาคกระจกตาได้กลายเป็นขบวนการมนุษยธรรมที่ได้รับการขยายผลในสังคม ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นความสุขสำหรับทั้งผู้ให้และผู้รับเท่านั้น หากทั้งสังคมก็ยังชื่นชมยกย่องผู้บริจาคอีกด้วย.

คำติชม