ความสัมพันธ์เวียดนาม-อินโดนีเซียพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่

Huyen, Pham Ha
Chia sẻ
(VOVWORLD) - ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก ได้เดินทางไปเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 21-23 ธันวาคมตามคำเชิญของประธานาธิบดี โจโก วีโดโดนี่คือเหตุการณ์สำคัญ เป็นความคืบหน้าในความสัมพันธ์ทวิภาคี นำความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-อินโดนีเซียพัฒนาเข้าสู่ส่วนลึก จริงจังมีประสิทธิภาพ และเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ความสัมพันธ์เวียดนาม-อินโดนีเซียพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ - ảnh 1นาย ตะวันทง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอินโดนีเซีย (VNA)

เวียดนามและอินโดนีเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ปี 1955 ในช่วงที่เวียดนามยังคงทำการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชและรวมประเทศเป็นเอกภาพ อินโดนีเซียได้สนับสนุนเวียดนามในการต่อสู้มาโดยตลอด และปัจจุบันยังคงสนับสนุนเวียดนามในการพัฒนาและปกป้องประเทศ

พื้นฐานที่สร้างคุณค่าและความลึกของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

เมื่อปี 2013 ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างเป็นทางการ และตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงกว่า 30 ฉบับในหลายด้าน รวมถึงโครงการปฏิบัติการเพื่อปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในช่วงปี 2019-2023 ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอในฟอรั่มสำคัญคือคณะกรรมการเพื่อความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะกรรมการเพื่อความร่วมมือทวิภาคี ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า มูลค่าการค้าในปี 2021 บรรลุถึง 1 หมื่น 1 พัน 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และทั้งสองฝ่ายกำลังมุ่งสู่เป้าหมายใหม่ นาย ตะวันทง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอินโดนีเซียกล่าวว่า

“ทั้งสองประเทศได้กำหนดเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ร่วมมือ บนพื้นฐานของความสำเร็จในด้านการแลกเปลี่ยนการค้าต่างตอบแทน ทั้งสองประเทศตั้งเป้าที่จะบรรลุมูลค่าการค้า 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2028 การเยือนอินโดนีเซียตามคำเชิญของประธานาธิบดี โจโก วีโดโด ของประธานประเทศ  เหงียนซวนฟุก จะส่งเสริมความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศ และยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ในกรอบการเยือนนี้ ทั้งสองประเทศจะลงนามเอกสารสำคัญหลายฉบับเพื่อทำให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์มีความลึกซึ้งมากขึ้น”

การที่อินโดนีเซียเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาและเพิ่งเกิดใหม่ของโลกหรือG20 และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 16 ของโลก ในขณะที่เวียดนามมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ซึ่งสร้างความคาดหวังเกี่ยวกับศักยภาพความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ระหว่างทั้งสองประเทศ  เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายได้อำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการของอีกฝ่ายในกิจกรรมการลงทุนและผลักดันการปรึกษาหารือด้านการค้าระหว่างสองฝ่ายอยู่เสมอ นาย Budiarsa Sastrawinata นายกสมาคมมิตรภาพอินโดนีเซีย-เวียดนามหรือ IVFA และ CEO ของกลุ่มบริษัท Ciputra แสดงความเห็นว่า

“ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไม่ว่าจะเป็นระดับรัฐบาลหรือระดับสถานประกอบการดีงามมาก รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายการลงทุนที่เปิดกว้างสำหรับสถานประกอบการ ประเทศที่มีนโยบายต้อนรับนักลงทุนก็เป็นข้อได้เปรียบ ถ้าหากไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาล นักลงทุนและสถานประกอบการก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย และนโยบายของรัฐบาลในการต้อนรับนักลงทุนไม่เพียงแต่ดึงดูดนักลงทุนจากอินโดนีเซียเท่านั้น หากยังรวมถึงประเทศอื่น ๆ ที่แสวงหาโอกาสในเวียดนามอีกด้วย”

ทั้งสองฝ่ายยังร่วมมืออย่างใกล้ชิดและเข้มแข็งบนเวทีระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนและองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ  โดยเฉพาะ จากการพบปะหารือทั้งในระดับผู้นำ ผู้เชี่ยวชาญและสถานประกอบการของทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนทัศนะ เห็นพ้องในระดับสูงเกี่ยวกับการส่งเสริมจิตใจแห่งความสามัคคีของประเทศในกลุ่มอาเซียน ส่งเสริมบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเมืองทั้งในระดับภูมิภาคและโลก รวมทั้งปัญหาทะเลตะวันออก

ความสัมพันธ์เวียดนาม-อินโดนีเซียพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ - ảnh 2นาย Budiarsa Sastrawinata นายกสมาคมมิตรภาพอินโดนีเซีย-เวียดนามหรือ IVFA และ CEO ของกลุ่มบริษัท Ciputra

การเยือนเปิดโอกาสความร่วมมือมากมาย

ในภาพรวม ความสัมพันธ์เวียดนาม-อินโดนีเซียได้พัฒนาจากพื้นฐานของมิตรภาพและความไว้วางใจไปสู่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือในทุกด้านและเป็นความสัมพันธ์ที่มุ่งสู่อนาคต การเยือนอินโดนีเซียของประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันถึงบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศที่มีต่อกัน และเป็นการยืนยันอย่างเข้มแข็งถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ที่คล้ายคลึงกันในหลายด้านและเป็นจุดศูนย์รวมของผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์

หลังจากที่โลกทั้งสองประเทศต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาเป็นเวลานาน การพบปะโดยตรงเป็นโอกาสที่ดีเพื่อให้ผู้นำทั้งสองประเทศได้หารือ แก้ไขปัญหา และส่งเสริมความสัมพันธ์ร่วมมือทวิภาคีต่อไป ในกรอบการเยือน ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก จะเจรจากับประธานาธิบดี โจโก วีโดโด พบปะกับผู้นำของรัฐสภาอินโดนีเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือและให้การต้อนรับสถานประกอบการใหญ่ๆของอินโดนีเซีย

ในสภาวการณ์ของปี 2023 เวียดนามและอินโดนีเซียจะฉลองครบรอบ 10 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์และมีกิจกรรมเฉลิมฉลองต่างๆเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์นี้ การเยือนอินโดนีเซียของประธานประเทศ เหงียนซวนฟุก จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ และกำหนดแนวทางให้แก่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนของทั้งสองประเทศในอนาคต./.

คำติชม