(VNA) |
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ปี 1973 เวียดนามและออสเตรเลียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2009 ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้าน และใน 9 ปีต่อมา เมื่อปี 2018 ทั้งสองฝ่ายได้ยกระดับความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ตั้งแต่นั้นมา เวียดนามและออสเตรเลียต่างก็ตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายต่างประเทศ ความมั่นคง และเศรษฐกิจระหว่างกัน
50 ปีแห่งความร่วมมือที่น่าประทับใจ
บทปราศรัยในการสัมมนาต่างย้ำถึงเส้นทาง 50 ปีแห่งความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับออสเตรเลีย ที่ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนับตั้งแต่หลังสงครามเย็นจนถึงปัจจุบัน เมื่อประเทศต่างๆ ทั่วโลกปรับนโยบายจากการเผชิญหน้ามาเป็นการเจรจาและส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์นี้พัฒนาอย่างเข้มแข็งบนพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ใกล้ชิดและความไว้วางใจระหว่างกัน นาย Andrew Goledzinowski เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำเวียดนามยืนยันว่า
“ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในปัจจุบันมีความใกล้ชิดและพัฒนาดีงามเป็นอย่างมาก ความสัมพันธ์ทวิภาคีสร้างขึ้นจากความไว้วางใจที่เข้มแข็งและความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพในหลายด้าน นั่นคือความร่วมมือด้านกลาโหม การศึกษา การค้าและการพบปะแลกเปลี่ยนระดับประชาชน นี่คือความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ”
ทั้งสองประเทศมีบทบาทที่สำคัญในยุทธศาสตร์การต่างประเทศของกัน ในด้านภูมิศาสตร์-การเมือง ออสเตรเลียให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อเวียดนามเนื่องจากเวียดนามมีที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นชุมทางแห่งการแลกเปลี่ยนและดึงดูดความสนใจจากประเทศสำคัญ ๆ ทั่วโลกมากขึ้น ในยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศ ออสเตรเลียยืนยันหลายครั้งว่า ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่มีเสถียรภาพ มั่นคง เจริญรุ่งเรือง อิสระและมีอธิปไตยไม่สามารถขาดบทบาทของเวียดนามได้ ในขณะเดียวกัน ในด้านเศรษฐกิจได้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยการขยายตัวด้านการค้าที่น่าประทับใจ รองศาสตราจารย์ ดร. ตะมิงต๊วน รองประธานสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์เวียดนามได้ย้ำว่า
“ในเวลาเพียง 20 ปี ตั้งแต่ปี 1991 ถึงปี 2022 มูลค่าการค้าทวิภาคีได้เพิ่มขึ้นอย่างเข้มแข็ง จาก 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นกว่า 1 หมื่น 5 พัน 7 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน เวียดนามกลายเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับที่ 10 ของออสเตรเลีย และออสเตรเลียเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับที่ 7 ของเวียดนาม ออสเตรเลียยังเป็นหุ้นส่วนชั้นนำในการสนับสนุนเงิน ODA ซึ่งมีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามในหลายทศวรรษที่ผ่านมา”
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศคือออสเตรเลียมีประชากรเชื้อสายเวียดนามมากที่สุดในโลก ชุมชนชาวเวียดนามในออสเตรเลียมีประมาณ 350,000 คน มากเป็นอันดับที่ 5 ในชุมชนชาติพันธุ์ต่างประเทศในออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษาเวียดนามประมาณ 31,000 คนที่กำลังศึกษาในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญทั้งด้านวัฒนธรรม การค้า การลงทุนและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างสถานประกอบการของทั้งสองประเทศ
นาย Andrew Goledzinowski เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำเวียดนาม (Baoquocte.vn) |
ส่งเสริมความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ตามส่วนลึก
นับตั้งแต่ที่เวียดนามและออสเตรเลียยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อปี 2018 จนถึงปัจจุบัน ออสเตรเลียให้ความสำคัญต่อบทบาทและสถานะของเวียดนามในภูมิภาคและโลกอยู่เสมอ ในความเป็นจริง เวียดนามและออสเตรเลียต่างก็มีโอกาสและศักยภาพในการพัฒนามากมาย ตลอดจนใช้ประโยชน์จากความร่วมมือทวิภาคีบนพื้นฐานจุดแข็งของแต่ละประเทศ ในสภาวการณ์แห่งโลกาภิวัตน์และการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคที่เพิ่มมากขึ้นที่ยังคงเป็นแนวโน้มหลักของสถานการณ์ระหว่างประเทศ แนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม - ออสเตรเลียจึงกำลังเปลี่ยนแปลงเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนา รองศาสตราจารย์ ดร. เหงียนฮุยหว่าง หัวหน้าสถาบันวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงความเห็นว่า
“หนึ่งในตัวอย่างของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันคือความสัมพันธ์เวียดนาม-ออสเตรเลีย จากความสัมพันธ์หุ้นส่วนมาสู่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และมีโอกาสมากมายที่จะยกระดับเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน เวียดนามตั้งความหวังเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ไม่เพียงแต่ส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและอินโด-แปซิฟิกเท่านั้น หากยังสร้างโอกาสให้แก่การพัฒนาของทั้งเวียดนามและออสเตรเลีย ซึ่งมีส่วนร่วมต่อการกำหนดโครงสร้างภูมิภาคใหม่ในเวลาที่จะถึงอีกด้วย”
50 ปีได้ผ่านพ้นไป ความสัมพันธ์เวียดนาม-ออสเตรเลียได้บรรลุผลงานที่น่าประทับใจมากมาย ซึ่งเป็นพื้นฐานเพื่อให้ทั้งสองประเทศสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เป็นรูปแบบดีเด่นแห่งความร่วมมือยุทธศาสตร์ที่นำผลประโยชน์มาสู่ทั้งสองฝ่ายในระยะต่อไป.