 ภาพการสัมมนา (baohagiang.vn) |
เช้าวันที่ 30 มีนาคม ณ นครห่ายาง ได้มีการจัดการสัมมนา “กำหนดและสร้างแบรนด์การท่องเที่ยวจังหวัดห่ายางในระยะใหม่”
ห่ายางเป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคเหนือของเวียดนามที่มีศักยภาพต่างๆ ในการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยทางการจังหวัดฯ ได้ตั้งเป้าไว้ว่า ถึงปี 2025 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลายเป็นเศรษฐกิจหลักที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 3 ล้านคนต่อปี และถึงปี 2030 อุทยานธรณีโลกที่ราบสูงหิน ด่งวันจะได้รับการรับรองเป็นเขตท่องเที่ยวแห่งชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวประมาณ 5 ล้านคนต่อปี จากการใช้ศักยภาพต่างๆ และผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ บวกกับการผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การท่องเที่ยวแห่งสีเขียวและยั่งยืน จังหวัดห่ายางจะกลายเป็นจุดนัดพบที่เพิ่งโดดเด่นของเอเชีย และช่วยสร้างแบรนด์การท่องเที่ยวของจังหวัดห่ายางบนแผนที่การท่องเที่ยวเวียดนามและโลก
นาง เจี่ยวถิติ่ง รองผู้อำนวยการสำนักงาน วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจังหวัดห่ายางเผยว่า
“ห่ายางเน้นอนุรักษ์เอกลักษณ์วัฒนธรรมพื้นเมืองและมรดกทางธรรมชาติต่างๆ โดยเฉพาะอุทยานธรณีโลกที่ราบสูงหิน ด่งวัน ปัจจุบันนี้ เรากำลังอนุรักษ์เทศกาลพื้นเมืองต่างๆ เพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศได้เก็บประสบการณ์ นี่คือแนวทางและวิธีการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดฯ”
ส่วนดร. หวูนาม จากมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แสดงความคิดเห็นว่า จังหวัดห่ายางควรเป็นฝ่ายรุกในการจัดทำแผนการให้เกาะติดสถานการณ์ที่เป็นจริง แก้ไขอุปสรรคต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยให้แก่การพัฒนาการท่องเที่ยว หน่วยงานการท่องเที่ยวจังหวัดห่ายางควรประสานงานและเชื่อมโยงกับสำนักงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอนโยบายใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและแนวโน้มการพัฒนาของประเทศและโลก
“จังหวัดห่ายางต้องเน้นถึงจุดที่สร้างความแตกต่างไปจากท้องถิ่นอื่นๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในการจัดทำผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวเฉพาะถิ่น ต้องช่วยให้นักท่องเที่ยวเห็นถึงความแตกต่างและสนใจมาเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของห่ายาง”
ในการสนทนา จังหวัดห่ายางและจังหวัดกาวบั่งได้รับรองผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงระหว่างอุทยานธรณีโลกที่ราบสูงหิน ด่งวัน ของจังหวัดห่ายางและอุทยานธรณีโลกนอนเนือกกาวบั่งของจังหวัดกาวบั่ง เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวระหว่างสองจังหวัดและมีส่วนร่วมยกระดับประสิทธิภาพในการอนุรักษ์ ส่งเสริมคุณค่าของมรดกและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น.