สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐสนับสนุนการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานสำหรับชาวยิว

Vân
Chia sẻ
(VOVWORLD) - การที่ทางการของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสนับสนุนสิทธิของอิสราเอลในการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานสำหรับชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบในทางลบต่อโอกาสการบรรลุมาตรการ 2 รัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติเท่านั้น หากยังเป็นก้าวถอยหลังต่อสันติภาพที่ยาวนานระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์อีกด้วย ทำเนียบขาวเข้าใจอย่างชัดเจนต่อผลกระทบในทางลบนี้ แต่ก็ยังคงเดินหน้าปฏิบัติเพื่อแผนการส่วนตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐสนับสนุนการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานสำหรับชาวยิว - ảnh 1เขตตั้งถิ่นฐาน Kiryat Arba ของอิสราเอลใน Hebron เขตเวสต์แบงก์ (Reuters) 


นานมาแล้ว เขตตั้งถิ่นฐานสำหรับชาวยิวเป็นอุปสรรคใหญ่ในความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ตลอดจนความพยายามผลักดันสันติภาพ ตามมติฉบับต่างๆของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เขตตั้งถิ่นฐานสำหรับชาวยิวเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากละเมิดอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 เกี่ยวกับการห้ามประเทศที่ครอบครองดินแดนของประเทศอื่นส่งประชาชนของตนเข้าไปอาศัยในเขตที่ยึดครอง

สาเหตุที่แท้จริง

สิ่งที่ต้องพูดถึงอันดับแรกคือ ต้องยืนยันว่า คำประกาศสนับสนุนทางการของอิสราเอลในการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจแบบไม่คิดไม่ไตร่ตรองของทางการสหรัฐ เพราะกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประสานกับกลุ่มสันติภาพของทำเนียบขาวนำโดยนาย Jared Kusher ลูกเขยของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อทำการหารือเป็นเวลาเกือบ 1 ปีจนนำไปสู่การออกประกาศดังกล่าว ที่น่าสนใจคือ การประกาศนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่สถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐกำลังมีความร้อนแรงเนื่องจากมีความพยายามถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และดูเหมือนว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเพลี้ยงพล้ำในเรื่องนี้ ในสภาวการณ์ดังกล่าว ทุกปฏิบัติการด้านการต่างประเทศก็ถูกมองว่า จะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนความสนใจของประชามติและลดแรงกดดันต่อตัวประธานาธิบดี

นอกจากนั้น เพื่อได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในปีหน้า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการคะแนนสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวยิวในสหรัฐ โดยในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันว่า เมื่อกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ปัญหาชาวอิสราเอลถูกเลือกปฏิบัติเหมือนพลเมืองระดับ 2 จะยุติทันที และขณะนี้ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2020 นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เดินหน้าแสดงการสนับสนุนอิสราเอลในปัญหาเขตตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์

ส่วนบรรดาผู้สังเกตการณ์ได้แสดงความเห็นว่า สาเหตุที่ 2 ที่ทำให้นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสนับสนุนสิทธิของอิสราเอลในการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานในเขตเวสต์แบงก์ก็เนื่องจากมีความสัมพันธ์พิเศษกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกปลดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งเมื่อเร็วๆนี้ ตลอดจนถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอรัปชั่นฉ้อโกงและละเมิดอำนาจ

สาเหตุที่ 3 คือนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันหลายครั้งว่า จะมีข้อคิดริเริ่มสันติภาพใหม่ให้แก่ตะวันออกกลาง และยกให้ข้อตกลงฉบับนี้เป็น “ข้อตกลงแห่งศตรวรรษ” แต่จนถึงขณะนี้ ข้อตกลงฉบับนี้ยังคงมีหลายจุดที่ถูกโต้แย้งและยังไม่อาจปฏิบัติได้จริง ดังนั้น ผ่านการสร้างเหตุการณ์ใหม่ในภูมิภาคนี้ เจ้าของทำเนียบขาวสามารถเลื่อนการประกาศเอกสารฉบับดังกล่าว โดยที่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกตำหนิจากประชามติ

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐสนับสนุนการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานสำหรับชาวยิว - ảnh 2เขตตั้งถิ่นฐาน Ramat Shlomo ในเมืองเยรูซาเลม (Reuters) 

ไม่ให้ความสำคัญต่อการแสวงหามาตรการที่สันติให้แก่การปะทะระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์

ไม่ว่าเหตุผลใด แต่ก้าวเดินล่าสุดของวอชิงตันได้สานต่อท่าทีที่เพิ่มความตึงเครียดกับปาเลสไตน์และประเทศต่างๆในภูมิภาค หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ทางการวอชิงตันได้รับรองเมืองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ย้ายสถานทูตของสหรัฐจากจากกรุงเทลอาวีฟไปยังเมืองเยรูซาเลมและรับรองอธิปไตยของอิสราเอลเหนือเขตที่ราบสูงโกลันที่ยึดครองจากซีเรีย

ก่อนสมัยของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ว่าพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันขึ้นมาบริหารประเทศ สหรัฐล้วนแต่มีคำประกาศและมีท่าทีกดดันให้อิสราเอลระงับการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานในเขตเวสต์แบงก์ โดยเฉพาะในวาระสุดท้ายของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ทางการสหรัฐได้เดินพร้อมกับสหประชาชาติประณามอิสราเอลที่ก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานที่ผิดกฎหมายนี้

แต่ถึงสมัยของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป ทุกการตัดสินใจของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ต่างทำให้กระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางมีความซับซ้อน และความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์นับวันเป็นศัตรูมากขึ้น ดังนั้น ประชามติโลกจึงแสดงความเห็นว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ให้ความสำคัญต่อการแสวงหามาตรการทางการเมืองที่สันติให้แก่การปะทะระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นการลดบทบาทของสหรัฐเองในการแก้ไขปัญหาของหนึ่งในจุดร้อนด้านความมั่นคงที่ยืดเยื้อนานที่สุดในโลก.

คำติชม