นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งกล่าวปราศรัยต่อการประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมโควิด-19 (Photo: VGP) |
สถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบันที่มีความน่ากังวลทำให้พรรคสาขาทุกระดับ ทางการท้องถิ่นและสำนักงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่อยู่แถวหน้าในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดได้ปฏิบัติมาตรการที่เหมาะสมอย่างเคร่งครัดและรวดเร็วตามการชี้นำของคณะเลขาธิการพรรค รัฐบาล นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะกรรมการชี้นำแห่งชาติเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เพื่อควบคุมสถานการณ์อย่างรวดเร็วและป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง
ในการประชุมกับ 63 จังหวัดและนครเกี่ยวกับงานด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้เสนอให้พรรคสาขาทุกระดับส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้นำ การบริหารของทางการและระดมการเข้าร่วมของประชาชนและทั้งระบบการเมือง เป็นฝ่ายรุกในการส่งเสริมแหล่งพลังภายในบนเจตนารมณ์ “การป้องกัน”เป็นมาตรการขั้นพื้นฐาน ยุทธศาสตร์ในระยะยาวและชี้ขาด ส่วน “การรับมือในเชิงรุก”เป็นมาตรการเร่งด่วนที่ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างรวดเร็วบนเจตนารมณ์ “การรับมือการแพร่ระบาดเหมือนการต่อสู้ผู้รุกราน” โดยต้องเปลี่ยนจากการป้องกันมาเป็นการผสมผสามระหว่างการป้องกันกับการรับมือในเชิงรุกอย่างกลมกลืน โดยเน้นถึงการรับมือในเชิงรุกเป็นพิเศษ ผลักดันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบและปฏิบัติตามแนวทาง “ผลักดันการป้องกันและรับมือ การตรวจหาผู้ติดเชื้อ การทำแยกตัวทันที ทำการรักษาผู้ติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพและนำสถานการณ์กลับสู่เสถียรภาพโดยเร็ว ”
ตามการชี้นำของนายกรัฐมนตรี กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆต้องผลักดันการตรวจสอบการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดในขอบเขตที่ตนรับผิดชอบ คณะกรรมการชี้นำแห่งชาติเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ต้องกำหนดความรับผิดชอบอย่างชัดเจนและผู้ที่รับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน แต่ละท้องถิ่น ค้ำประกันวิธีการปฏิบัติที่สามารถทำความเข้าใจและปฏิบัติได้ง่าย การตรวจสอบง่ายและการประเมินง่าย พื้นที่ที่ปล่อยปละละเลยจนเกิดการแพร่ระบาด ต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาดตามข้อกำหนดของพรรคและกฏหมายของรัฐ นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้ชี้ชัดว่า
“ต้องลงโทษกรณีที่กระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเพราะได้รับมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบแล้ว ถ้าหากทำไม่ได้ก็ต้องให้คนอื่นทำ เราให้กำลังใจผู้ที่ปฏิบัติงานดี ส่วนใครทำได้ไม่ดี ก็ต้องพยายามทำให้ดี ถ้าหากทำไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบ”
ภาพของการประชุม |
กระทรวง หน่วยงานส่วนกลางและคณะกรรมการประชาชนท้องถิ่นต่างๆของเวียดนามต้องปรับปรุงงานด้านการแยกตัวในเขตกักกันโรค การเฝ้าติดตามสุขภาพของคนเข้าเมืองหลังจากเสร็จสิ้นการแยกตัวในเขตกักกันโรค โดยเฉพาะการส่งต่อหน้าที่เฝ้าติดตามสุขภาพที่บ้านให้แก่ผู้ที่เสร็จสิ้นการแยกตัวจากเขตกักกันโรค ทางการท้องถิ่นต้องปฏิบัติงานด้านการเฝ้าติดตามและดูแลผู้ที่เสร็จสิ้นการแยกตัวในท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคนเข้าเมืองตามการชี้นำของนายกรัฐมนตรี กระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการประชาชนทุกระดับต้องทำการตรวจสอบ ประเมินงานด้านการตรวจคนเข้าเมืองต่อชาวต่างชาติ แก้ไขปัญหาต่างๆในการแยกตัวผู้ที่เดินทางกลังจากต่างประเทศ ตรวจหาชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอย่างผิดกฎหมาย ยกระดับความรับผิดชอบของเลขาธิการพรรคสาขาทุกระดับ ทางการท้องถิ่น ระดมการเข้าร่วมของแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม องค์การต่างๆ โดยเฉพาะ ส่งเสริมบทบาทการเป็นฝ่ายรุกของประชาชนในการปฏิบัติงานนี้
จังหวัดและนครส่วนกลางต้องเป็นฝ่ายรุกในการเพิ่มทักษะความสามารถในการตรวจหาเชื้อและการแยกตัวในท้องถิ่น ค้ำประกันการรับมือต่อทุกสถานการณ์การแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้นตามเจตนารมณ์การชี้นำของคณะกรรมการชี้นำแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้ชี้ชัดว่า
“จังหวัดต่างๆต้องตัดสินใจปฏิบัติมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในขอบเขตที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจและสังคม ไม่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าผ่านชายแดน ค้ำประกันแหล่งวัตถุดิบเพื่อการผลิต”
นายกรัฐมนตรียังกำชับให้กระทรวงสาธารณสุขต้องอัพเดทสถานการณ์ มีมาตรการรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ผลักดันการสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 เพิ่มความหลากหลายของแหล่งจัดสรรวัคซีนและเพิ่มจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนเพื่อขจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดยเร็วและค้ำประกันการปฏิบัติ 2 เป้าหมายพร้อมกันคือป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจในเวียดนาม.