สะพาน Long Biên นิมิตหมายแห่งกาลเวลาในกรุงฮานอย

Chia sẻ
(VOVWORLD) -เมื่อ120ปีก่อน (1902 - 2022)สะพานลองเบียน (Long Biên) สะพานเหล็กแห่งแรกออกแบบโดยชาวฝรั่งเศสเพื่อข้ามแม่น้ำแดงได้เปิดใช้งาน ซึ่งสะพานลองเบียนเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของฝรั่งเศสในกรุงฮานอย แม้จะผ่านไปแล้วกว่าร้อยปีแต่สะพานแห่งนี้ยังคงเป็นภาพที่คุ้นเคยของชาวนครหลวงหลายรุ่นและได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของฮานอย

สะพาน Long Biên นิมิตหมายแห่งกาลเวลาในกรุงฮานอย - ảnh 1สะพานลองเบียน พยานแห่งกาลเวลาในกรุงฮานอย
 
เมื่อปลายศตวรรษที่19และต้นศตวรรษที่20 สะพานลองเบียนที่เชื่อมสองฝั่งแม่น้ำแดงในกรุงฮานอยเป็นสะพานโครงเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะพานนี้มีทั้งหมด 19 ช่วง เสาสะพาน20ต้น ออกแบบให้มี 3 เลน โดยเลนกลางเป็นรางรถไฟรางเดี่ยว และขนาบด้วยเลนสำหรับรถจักรยานและคนเดิน สถาปานิก แมหงฮ่า เผยว่า “นี่เป็นกิจการพิเศษของฮานอยตอนนั้นเพราะสร้างด้วยโครงเหล็ก รวมความยาวทั้งหมด3กิโลเมตรเชื่อมเขตลองเบียนและเขตหว่านเกี๊ยม เป็นเส้นทางคมนาคมที่มีบทบาทสำคัญของชาวนครหลวงในช่วงเวลาอันยาวนาน”

สะพานลองเบียนไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงจากการเป็นสะพานที่มีอายุเก่าแก่พร้อมสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเท่านั้น แต่สำหรับชาวฮาแถ่งนี่เสมือนเป็นพยานทางประวัติศาสตร์ของเมืองหลวง โดยในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 1954 สะพานลองเบียนได้ต้อนรับกองทัพแห่งชัยชนะที่เข้ามาปลดปล่อยเมืองหลวง ส่วนกองทัพของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสได้ถอนกำลังออกจากฮานอย ตามทางหลวงหมายเลข 5 ลงเรือที่ท่าเรือไฮฟองเพื่อออกจากเวียดนาม ในช่วงสงครามการทำลายภาคเหนือครั้งที่1ช่วงปี 1965 - 1968 เครื่องบินของกองทัพสหรัฐได้ทิ้งระเบิดทำลายสะพานลองเบียน 10 ครั้ง สร้างความเสียหายให้แก่ตัวสะพานรวม 7 ช่วงและเสาสะพาน 4 ต้น ในสงครามทำลายภาคเหนือครั้งที่ 2 ปี 1972 สะพานก็โดนระเบิด 4 รอบ ซึ่งทำให้เสาสะพาน 2 ต้นและพื้นสะพานยาว 1,500 เมตร ได้รับความเสียหาย นายฝามวันอ๊าย วิศวกรที่ได้เข้าร่วมกระบวนการซ่อมสะพานในช่วงสงครามเผยว่า  “คานหลักของสะพานหนักกว่า 900 ตัน คานทั้งสองข้างแต่ละข้างมีขนาด 250 ตัน รวมทั้งคานอีก 3 จุดที่มีหนักประมาณ 1,600 ตัน เราจึงต้องเชื่อมเข้าด้วยกันและสร้างข้อต่อหลักของสะพานขึ้นใหม่ ต่อจากนั้นก็ซ่อมแซมเพื่อทำพื้นสะพานใหม่เพื่อให้รถไฟวิ่งผ่านได้”

สะพาน Long Biên นิมิตหมายแห่งกาลเวลาในกรุงฮานอย - ảnh 2รางรถไฟบนสะพานลองเบียน

จนถึงทุกวันนี้ แม้ในกรุงฮานอยได้มีการสร้างสะพานใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าและทันสมัยหลายแห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การจราจรในเมืองหลวง แต่ก็ไม่ทำให้บทบาทการเป็นเส้นทางจราจรสำคัญของสะพานลองเบียนเปลี่ยนแปลงไป โดยขณะนี้สะพานลองเบียนเป็นเส้นทางจราจรสำหรับนักปั่นจักรยาน มอเตอร์ไซค์ และรถไฟเท่านั้น ซึ่งเสียงและภาพของขบวนรถไฟที่กำลังข้ามสะพานนั้นถูกจารึกไว้ในความทรงจำของชาวฮานอยหลายคน นายเจิ่น ลาม ซึ่งมักจะปั่นจักรยานข้ามสะพานลองเบียนทุกวันกล่าวว่า“สะพานลองเบียนผูกพันกับชีวิตผมตั้งแต่ตอนเป็นเด็กและจนถึงตอนนี้อายุก็60ปีแล้ว วันไหนที่ป่วยหรืออากาศไม่ดี ไม่สามารถปั่นจักรยานข้ามสะพานนี้ก็รู้สึกคิดถึงมาก”

เมื่อปี 2009 และ 2010 ได้มีการจัดงานเฟสติวัลแห่งวัฒนธรรมบนสะพานลองเบียนโดยมีการจัดถนนคนเดินและนิทรรศการที่ดึงดูดผู้ชมทั้งคนเวียดนามและชาวต่างชาติจำนวนมาก“การเดินเที่ยวบนสะพานลองเบียนนี้เพื่อรับลมชมวิวถือเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมาก นักท่องเที่ยวสามารถปั่นจักรยานหรือขี่มอเตอร์ไซต์แบบช้าๆข้ามสะพานด้วย ซึ่งนับเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่น่าเที่ยวในฮานอย”

สะพาน Long Biên นิมิตหมายแห่งกาลเวลาในกรุงฮานอย - ảnh 3

เพื่อซ่อมแซมรักษาสะพานลองเบียน รัฐบาลได้จัดงบประมาณจำนวนหนึ่งทุกปีและการซ่อมแซมสะพานลองเบียนครั้งล่าสุดคือในปี 2015 โดยใช้งบประมาณสูงถึง 3 แสนล้านด่ง ส่วนกรมการรถไฟเวียดนามเผยว่าได้วางแผนตรวจสอบสภาพสะพานลองเบียนแบบบูรณาการแล้วจะจัดทำโครงการซ่อมแซมสะพานลองเบียนครั้งใหญ่ในปี2023ด้วยเป้าหมายค้ำประกันให้สะพานแห่งนี้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยถึงปี2030เมื่อมีระบบทางรถไฟตัวเมืองหมายเลข 1 มาทดแทน

120 ปีได้ผ่านไป ประเทศได้พัฒนาก้าวหน้า เมืองหลวงก็เปลี่ยนแปลงมีความทันสมัยมากขึ้นแต่สะพานลองเบียนยังคงเป็นพยานแห่งประวัติศาสตร์ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของฮานอยและคุณค่าแห่งอดีตก็ยังคงแฝงไว้ในแต่ละช่วงสะพานอย่างไม่เสื่อมคลาย./.

คำติชม