กิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม ณ กรุงฮานอย

Minh Lý
Chia sẻ
(VOVWORLD) - ไทยและเวียดนามได้ดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทย-เวียดนามมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 โดยได้สร้างโอกาสให้เยาวชนทั้งสองประเทศได้พบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนอีกทั้งสร้างเครือข่ายเยาวชนที่เข้มแข็ง 
 
 
กิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม ณ กรุงฮานอย - ảnh 1กิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม ณ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตฯ

ในปีนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ได้จัดกิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม (Thai-Vietnamese Youth Exchange: The Reunion)โดยใช้วิธีการเข้าร่วมแบบผสมผสาน (hybrid) เป็นครั้งแรก ผ่านช่องทางออนไลน์และ ณ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตฯโดยคำนึงถึงมาตรการสาธารณสุขและการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อเปิดโอกาสให้ศิษย์เก่าโครงการเพื่อนมิตรไทย-เวียดนามหรือโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทย-เวียดนามตั้งแต่ปี 2552 - 2562 ได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน เช่น ประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมการท่องเที่ยว ประเทศและคนของอีกประเทศและหารือถึงแนวทางการจัดกิจกรรมต่างๆในเวลาข้างหน้า เพื่อมีส่วนร่วมขยายความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ

กิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม ณ กรุงฮานอย - ảnh 2บรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมกิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนามในยุควิถีใหม่

“ดิฉันเป็นศิษย์เก่าโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนเวียดนาม-ไทยปี 2560 ในประเทศไทย โดยพวกเราได้ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆและเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนักศึกษาของทั้งสองประเทศ ซึ่งช่วยให้ดิฉันมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับประเทศ วัฒนธรรมและคนไทยและมีความรักประเทศไทยมากขึ้น นี่เป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อให้ดิฉันพยายามเรียนภาษาไทยให้เก่งและปัจจุบัน ดิฉันเป็นครูสอนภาษาไทยในกรุงฮานอย ดิฉันมีความประสงค์ว่า จะจุดประกายความรักวัฒนธรรมและภาษาไทยให้แก่นักศึกษารุ่นต่อๆไป”

“เป็นศิษย์เก่าโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทย-เวียดนามปี2557 ในตอนที่ไปที่เวียดนามในปี 2557 นั้น ก็จะเป็นการที่ชาวไทยไปที่ประเทศเวียดนามและได้เจอเพื่อนเวียดนามและมีกิจกรรมร่วมกันประมาณเกือบ 14 วัน มีกิจกรรมหลายอย่างทั้งมีการเล่นเกมส์ต่างๆแชร์เกี่ยวกับวัฒนธรรมว่าที่ไทยเป็นยังไงบ้าง มีเทศกาลสำคัญอะไรบ้าง เทศกาลสำคัญของเวียดนามเป็นยังไงบ้าง เมื่อทั้งสองฝ่ายแชร์กันได้มีกิจกรรมของชาวไทยยกตัวอย่าง เช่น ของประเทศไทยก็จะมีโซนของภาคอีสานก็จะมีการฟ้อนโชว์เกี่ยวกับรำแหย่ไข่มดแดง ส่วนเพื่อนเวียดนามใส่ชุดอ๊าวหย่ายที่สวยงามและมีการโชว์เต้นเหมือนกัน สิ่งประทับใจก็คือเพื่อนๆทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือว่าชาวเวียดนาม พวกเราก็จะสร้างความสัมพันธ์แบบแชร์ประสบการณ์ต่างๆมาตลอดทั้งวัฒนธรรม ภาษา สะสมภาษาเกี่ยวกับคำศัพท์นี้คืออะไรทั้งแชร์ของภาษาไทยและภาษาเวียดนาม”

กิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม ณ กรุงฮานอย - ảnh 3ศิษย์เก่าโครงการเพื่อนมิตรไทย-เวียดนามหรือโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทย-เวียดนามตั้งแต่ปี 2552 - 2562ในกิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม เมื่อปี2561

นอกจากได้เปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดในภูมิภาคอาเซียนแล้ว คุณด่าว ถิ เหิบและคุณอมรรัตน์ นวะศรี ยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ในโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทย-เวียดนาม โดยเฉพาะคุณอมรรัตน์ นวะศรีได้มีเพื่อนสนิทชาวเวียดนามชื่อแห่ง  โดยคุณอมรรัตน์ นวะศรีและคุณแห่งได้เจอกันอีกครั้งในกิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนามปีนี้

กิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม ณ กรุงฮานอย - ảnh 4คุณอมรรัตน์ นวะศรีและคุณแห่ง

“ประทับใจแห่ง แห่งเป็นเพื่อนที่ friendly มีมิตรภาพที่ดี เขาจะแนะนำต่างๆว่า สถานที่ตรงนี้สำคัญยังไง วัฒนธรรมของเวียดนามเป็นยังไง อย่างเวลากินข้าว แห่งก็จะแนะนำว่า ต้องพูดคำว่า ขอเชิญทานอาหาร คำกล่าว คำพูดขอบคุณ จำได้ว่าพูด cam on, อันนี้ในด้านภาษา ส่วนในด้านการท่องเที่ยว การเดินข้ามถนนในเวียดนาม คนไทยก็จะกล้ากลัวหน่อยที่จะข้ามถนน เพื่อนเวียดนามก็จะคอยดูแลตรงนี้ และจำได้ว่ากลับไปเที่ยวเวียดนามอีกครั้ง ไปส่วนตัว ก็ไปเจอแห่งและแห่งก็พาไปเที่ยว เพื่อนก็พาไปทุกที่ แล้วก็แนะนำเรื่องต่างๆจนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน ติดต่อสานสัมพันธ์กันอยู่”

“เมื่อครั้งเจออมรรัตน์ นวะศรีที่เวียดนาม ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากเพราะเธอได้นำของฝากจากประเทศไทยมาให้แก่ดิฉันและยังบอกว่า คิดถึงดิฉันและความทรงจำดีๆในเวียดนาม”

ในการนี้ เยาวชนเวียดนามและไทยได้ทบทวนประสบการณ์ต่างๆในการเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนในปีก่อนๆ อีกทั้งได้ฟังการบรรยายจากคุณรติวัณณ บุญประคอง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานโฮจิมินห์ ในหัวข้อ “Consumer Trends in Asia: 2021” และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับยานพาหนะ วัฒนธรรม อาหาร ภาพยนตร์และดาราของเวียดนามและไทย รวมทั้ง แนวทางในการกระชับความร่วมมือระหว่างเยาวชนทั้งสองประเทศในยุควิถีใหม่

“การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เยาวชนทั้งสองประเทศไม่มีโอกาสพบปะกันโดยตรง แต่ยังคงมีการติดต่อพูดคุยผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ คนเวียดนามและไทยนิยมใช้ Facebook และYoutube ชาวเวียดนามส่วนใหญ่ชอบใช้แอพฯ zaloในขณะที่ชาวไทยชอบใช้Line มากกว่า ดังนั้น เราควรสร้างfanpage facebookให้แก่โครงการเพื่อนมิตรไทย-เวียดนามหรือโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทย-เวียดนามเพื่ออัพเดทข้อมูลของกลุ่มฯและเชื่อมโยงสมาชิกทุกคน”

“ผมเสนอให้เยาวชนทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งก่อนๆ รวมถึงการใช้ชีวิตในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการต่างๆเพื่อฟันฝ่าอุปสรรค”

กิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม ณ กรุงฮานอย - ảnh 5เยาวชนเวียดนาม-ไทยในกิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม เมื่อปี2561

ส่วนสำหรับทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ก็มีแผนกระชับความร่วมมือระหว่างเยาวชนทั้งสองประเทศในยุควิถีใหม่ คุณชนิดาภา ยุกตะทัต เลขานุการเอกสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย เผยว่า

“ทางสถานทูตฯและสถานีวิทยุเวียดนามจะประสานงานในการจัดการประกวดทำคลิปวิดีโอ ความยาว 2- 5 นาทีสำหรับเยาวชนเวียดนามและไทยที่มีอายุ 18-30 ปีในหัวข้อ “เพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม : สานสัมพันธ์เยาวชนในยุควิถีใหม่” โดยเยาวชนไทยและเวียดนามจะทำคลิปวิดีโอเป็นทีม ทีมละ 2 คน คลิปวิดีโอเหล่านี้บรรยายถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เช่น การทำอาหาร ประสบการณ์ต่างๆในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เวียดนามมีเพลงล้างมือ ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเราสามารถร้องตามเพลงนี้ด้วย คลิปวิดีโอที่ได้รับรางวัลจะถูกเผยแพร่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์และช่องทางต่างๆของสถานีวิทยุเวียดนาม รวมถึงสถานีโทรทัศน์ VOVTV ในปี 2565 ทางสถานทูตฯมีแผนจัดกิจกรรมคืนสู่เหย้าในรูปแบบออฟไลน์หลังจากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19”

กิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนาม ณ กรุงฮานอย - ảnh 6นอกจากได้เปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดในภูมิภาคอาเซียนแล้ว เยาวชนยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ในโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทย-เวียดนาม

 ทั้งนี้ กิจกรรมคืนสู่เหย้าเพื่อนมิตรไทย-เวียดนามและแผนการปฏิบัติต่างๆจะเป็นพื้นฐานให้แก่การพัฒนาเครือข่ายเยาวชนเวียดนาม-ไทยอย่างเข้มแข็ง อีกทั้งมีส่วนร่วมขยายการแลกเปลี่ยน ความเข้าใจและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากขึ้น.

คำติชม