ก่อนหน้านั้น  เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกกว่า 5 แสน 1 หมื่น 6 พันราย ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาดและมีผู้เสียชีวิตกว่า 7 พัน 7 ร้อยราย สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีผู้ติดเชื้อ 9.1 ล้านรายและผู้เสียชีวิต 2 แสน 3 หมื่น 3 ร้อยราย รองลงมาคืออินเดียและบราซิล

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม คณะกรรมการยุโรปหรืออีซีได้เสนอมาตรการใหม่เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในสหภาพยุโรป โดยย้ำว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด -19 ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวล พร้อมทั้ง เร่งรัดให้ 27 ประเทศสมาชิกมีปฏิบัติการและผลักดันการประสานงานในการรับมือวิกฤตโควิด -19  ผลักดันการตรวจหาเชื้อ และเตรียมสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการฉีดวัคซีน เช่น กระบอกฉีดยาและน้ำยาฆ่าเชื้อและค้ำประกันให้กลุ่มเสี่ยงสามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 โดยเร็ว

ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ได้ประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์อีกครั้งในระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 1 ธันวาคม ซึ่งประชาชนยังคงสามารถไปทำงาน ไปโรงพยาบาล จับจ่ายซื้อของและออกกำลังกายใกล้บ้านได้ สำนักงานให้บริการสาธารณะ สถานประกอบการและโรงเรียนต่างๆยังคงดำเนินงานตามปกติ บาร์และร้านอาหารต้องปิดให้บริการ พร้อมทั้ง ย้ำถึงเป้าหมายของรัฐบาลคือลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จาก 40,000 รายลงเหลือ 5,000รายต่อวัน.