วิสัยทัศน์ใหม่สำหรับหน่วยงานการผลิตข้าวของเวียดนาม

กลุ่มนักข่าวในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงของเวียดนาม
Chia sẻ
(VOVWORLD) - ในหลายปีมานี้ เวียดนามมักอยู่อันดับ 3 ประเทศที่ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก รองจากอินเดียและไทย โดยแต่ละปีสามารถผลิตข้าวเปลือกได้ประมาณ 42-45 ล้านตันและข้าวสารตั้งแต่ 26-29 ล้านตัน ข้าวเวียดนามถูกส่งออกไปยัง 140 ประเทศและดินแดน ส่วนยอดมูลค่าการส่งออกก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อสามารถเจาะตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เวียดนามควรมีวิธีการเข้าถึงใหม่และขยายตลาดภายในประเทศ
วิสัยทัศน์ใหม่สำหรับหน่วยงานการผลิตข้าวของเวียดนาม - ảnh 1 เวียดนามมักอยู่อันดับ 3 ประเทศที่ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก 

ศ.ดร. บุ่ยชี้บิ๋ว อดีตหัวหน้าสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรภาคใต้เผยว่า เครื่องหมายการค้าต้องได้รับการสร้างสรรค์บนพื้นฐานของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีการรับรอง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ แต่การผลิตข้าวสารของเวียดนามในปัจจุบันยังไม่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้บริโภคในตลาดโลกได้เท่าที่ควร            “การผลิตแบบรายย่อยของเกษตรกรเวียดนามไม่สามารถสร้างเครื่องหมายการค้าให้แก่ข้าวสารของเวียดนามได้ ถ้าหากเราสามารถปฏิบัติรูปแบบการผลิตแบบทุ่งนาขนาดใหญ่ก็สามารถปฏิรูปการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพได้ ควบคู่กันนั้น ก็ต้องจัดทำยุทธศาสตร์การส่งออกข้าวผ่านเครื่องหมายการค้าระดับชาติ โดยมีสถานประกอบการรายใหญ่เข้าร่วมในขั้นตอนต่างๆ”

ควบคู่กับการสร้างสรรค์และพัฒนาเครื่องหมายการค้าแห่งชาติให้แก่ข้าวสารของเวียดนาม จำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อตลาด นี่คือความคิดเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนาม เจิ่นก๊วกแค้ง            “เวียดนามควรให้ความสนใจถึงการใช้แหล่งจัดสรรข้าวสารอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะว่า ถ้าหากเวียดนามผลิตข้าวสารได้ 5 ล้านตันก็สามารถขายได้ง่าย แต่ถ้าหากผลิตได้ 6-7 ล้านตัน การขายจะเป็นลำบาก ดังนั้น จำเป็นต้องมีการพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลให้เวียดนามต้องปรับปรุงการเพาะเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชชนิดอื่นๆแทนข้าวเพื่อลดความเสี่ยงจากการผลิตข้าว รองศ.ดร. เจิ่นดิ่งเทียน อดีตหัวหน้าสถาบันเศรษฐศาสตร์เวียดนามแสดงความคิดเห็นว่า            “ เวียดนามพัฒนาการผลิตเกษตรและข้าวตามแนวทางเพิ่มคุณภาพแทนเพิ่มปริมาณเพื่อลดต้นทุน เช่น ค่าแรงงาน ปุ๋ย น้ำและน้ำมัน เป็นต้น ควรเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตอาหารหลังจากที่สามารถรักษาความมั่นคงด้านอาหารได้แล้ว ซึงต้องเลือกพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพสูง ลดพื้นที่ปลูกข้าวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก เป็นต้น”

ส่วนนาย เหงียนซวนเกื่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเผยว่า หน่วยงานการเกษตรกำลังสรุปผลโครงการรักษาความมั่นคงด้านอาหารโดยจะพยายามลดพื้นที่ปลูกข้าว 500,000 เฮกตาร์จากพื้นที่เกือบ 4 ล้านเฮกตาร์เพื่อปลูกพืชชนิดอื่นที่มีมูลค่าสูงกว่า ดังนั้น หน่วยงานการผลิตข้าวเวียดนามจะมี “วิสัยทัศน์ใหม่” และการวางแผนยุทธศาสตร์อย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและสถานประกอบการผลิตข้าวเวียดนาม

“ควรมีการปฏิรูปทั้ง 3 ด้านคือ การผลิต การแปรรูปและการตลาด ซึ่งในการผลิตต้องมีการเชื่อมโยง สิ่งที่สำคัญคือต้องให้ความสนใจถึงตลาดภายในประเทศ เพราะเวียดนามมีประชากรเกือบ 100 ล้านคนแล้ว ซึ่งในนั้นเป็นกรรมกรถึง 33 ล้านคนและประชาชนที่อยู่ในตัวเมืองคิดเป็นร้อยละ 40 จำเป็นต้องผลิตข้าวให้เหมาะสมกับความนิยมของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ควบคู่กันนั้นต้องลดพื้นที่ปลูกข้าวตามแนวทางที่กำหนด”

การส่งออกข้าวของเวียดนามในปี 2018 บรรลุ 6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 3.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนยุทธศาสตร์การส่งออกข้าวของเวียดนามในระยะปี 2021-2030 คือจะลดปริมาณและเพิ่มมูลค่าเครื่องหมายการค้าข้าวเพื่อมีรายได้มากขึ้น.

คำติชม