การเลือกตั้งรัฐสภายุโรป ความท้าทายที่รออยู่

Vân
Chia sẻ
(VOVWORLD) - วันที่ 23พฤษภาคม สหภาพยุโรปจะเข้าสู่การเลือกตั้งที่สำคัญและมีความหมายชี้ขาดต่อการพัฒนาของกลุ่มในอีก 5ปีข้างหน้า นั่นคือการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป ซึ่งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอียูต้องการเลือกผู้แทนที่มีความสามารถเพื่อแก้ไขความท้าทายต่างๆ เช่น ปัญหาผู้อพยพและปัญหาด้านการค้าเพื่อปกป้องการพัฒนาของอียู
การเลือกตั้งรัฐสภายุโรป ความท้าทายที่รออยู่ - ảnh 1 ผลการเลือกตั้งอีพีจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของอียูในอีก 5ปีข้างหน้า( Getty) 

รัฐสภายุโรป หรือ อีพีคือหนึ่งในกลไกการเมืองที่สำคัญของอียูที่ได้รับการจัดตั้งผ่านการเลือกตั้งโดยตรงทุกๆ 5ปี ซึ่งทำให้รัฐสภายุโรปเป็นรัฐสภาเหนือชาติแห่งเดียวที่มีการเลือกตั้งโดยตรง

การเลือกตั้งรัฐสภายุโรปปี 2019จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 23 - 26พฤษภาคมในประเทศสมาชิกเพื่อเลือกสมาชิกรัฐสภา 751นาย หลังจากนั้น รัฐสภายุโรปชุดใหม่จะลงคะแนนเลือกประธานคณะกรรมการยุโรปและอนุมัติงบประมาณเพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของอียูในอีก 5ปีข้างหน้า ซึ่งการเลือกตั้งดังกล่าวมีขึ้นในสภาวการณ์ที่จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ออกไปใช้สิทธิ์ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี1979

ความท้าทายที่ทับซ้อน

 อาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่การเลือกตั้งรัฐสภายุโรปมีขึ้นท่ามกลางความท้าทายต่างๆ เช่น ความพยายามของอังกฤษในการถอนตัวออกจากอียู ลัทธิประชานิยมที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ความแตกร้าวในความสัมพันธ์กับสหรัฐ ปัญหากระแสผู้อพยพที่มุ่งหน้าเข้ายุโรปและลัทธิการก่อการร้ายที่เป็นภัยคุกคามต่อทุกชาติ ซึ่งที่น่าสนใจคือลัทธิประชานิยมที่กำลังฟื้นตัวจนสร้างความท้าทายต่อการเชื่อมโยงภายในกลุ่มอียูในปัจจุบัน โดยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนก่อนการเลือกตั้งปรากฎว่า ผู้ที่ตอบแบบสอบถามร้อยละ50 แสดงความวิตกกังวลต่อการฟื้นตัวของลัทธิประชานิยม ซึ่งสะท้อนจากการที่ฝ่ายสนับสนุนลัทธิประชานิยมได้จัดการรณรงค์ขนาดใหญ่เพื่อคัดค้านการขยายตัวอย่างอย่างกว้างลึกของอียู โดยผู้ที่สนับสนุนลัทธิชาตินิยม ลัทธิประชานิยมฝ่ายขวา อนุรักษ์นิยมและสงสัยเกี่ยวกับความเป็นเอกภาพของยุโรปกำลังมุ่งทำลายความสามัคคีของกลุ่มนี้ ดังนั้น ถึงแม้จะเป็นกลุ่มที่มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมาก แต่ในหลายปีมานี้ พรรคกลางขวาและกลางซ้ายที่ควบคุมเวทีการเมืองของยุโรปอาจสูญเสียบทบาทการเป็นผู้นำ ในขณะเดียวกัน ถ้าหากพรรคการเมืองทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายขวาจัด ประชานิยมและลัทธิชาตินิยมในรัฐสภายุโรปได้จับมือเป็นพันธมิตรกันก็จะส่งผลต่อการกำหนดกฎหมาย การปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งความเสี่ยงที่อาจเกิดความขัดแย้งภายในกลุ่ม ดังนั้น การที่จะเลือกผู้นำอียูที่มีบทบาทเป็นแกนหลักในการสร้างสรรค์ยุโรป ภูมิภาคที่มีหลายประเทศหลายกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่ลัทธิประชานิยมมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นและความสงสัยเกี่ยวกับเอกภาพของยุโรปคือความท้าทายและเป็นปัญหาสำคัญที่ยุโรปกำลังต้องเผชิญ

การเรียกร้องเพื่ออนาคตของยุโรป

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ก่อนที่จะเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งยุโรปประมาณ 400ล้านคนที่ตั้งใจออกไปใช้สิทธิ์เพียงไม่กี่วัน บรรดาผู้นำอียูได้แสดงความหวังที่จะสามารถโน้มน้าวให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกไปใช้สิทธิ์มากขึ้นเพื่อสกัดกั้นความสงสัยต่อความเป็นเอกภาพของยุโรป ด้วยการลงนามแถลงการณ์ร่วมที่เรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วมการเลือกตั้งเพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนกระบวนการร่วมมือเพื่อพัฒนาอียูให้เข้มแข็งมั่นคง พร้อมทั้งย้ำว่า การผสมผสานของภูมิภาคยุโรปมีส่วนช่วยปฏิบัติกระบวนการสันติภาพในหลายศตวรรษหลังจากที่ลัทธิชาตินิยมและแนวคิดหัวรุนแรงได้ทำลาย สร้างความสูญเสียอย่างร้ายแรงในสงครามโลกสองครั้งในศตวรรษที่ 20

ส่วนนาย ฌอง-โคลด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมการยุโรปได้ให้ข้อสังเกตว่า อียูกำลังเผชิญกับความท้าทายร้ายแรงที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งเพื่อให้ยุโรปพัฒนาอย่างรวดเร็ว ประเทศสมาชิกอียูต้องร่วมมือกันและมีแต่ความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ที่สามารถช่วยให้อียูธำรงและส่งเสริมอิทธิพลในระดับโลกได้

ในมุมมองของประเทศต่างๆ ก่อนการเลือกตั้ง 3วัน นาย Frank-Walter Steinmeier ประธานาธิบดีเยอรมนีได้ยืนยันอีกครั้งถึงความสำคัญของการพัฒนาสหภาพยุโรปที่เป็นเอกภาพและเข้มแข็ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ชาวเยอรมันเข้าร่วมการเลือกตั้งอีพีเพื่อขยายและเสริมสร้างพลังที่เข้มแข็งให้แก่พรรคประชาธิปไตย ส่วนนาย  เอ็มมานูเอล มาครงประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการโน้มน้าวให้ชาวฝรั่งเศสออกไปใช้สิทธิ์เพื่อความอยู่รอดและปกป้องกระบวนการปฏิรูปโครงสร้างของอียู ส่วนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ บริษัท VNO-NCW และบริษัท MKB Nederland ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของเนเธอร์แลนด์ได้เปิดการรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกไปใช้สิทธิ์เพื่อมุ่งสู่การผสมผสานเข้ากับยุโรปอย่างกว้างลึกมากขึ้น

รัฐสภายุโรปหรืออีพีคือหนึ่งในกลไกการเมืองที่สำคัญของอียู ซึ่งสภารัฐมนตรี คณะกรรมการยุโรปและรัฐสภายุโรปมีหน้าที่ในการจัดทำกฎหมายของอียู และกำหนดแนวทางการพัฒนาที่สำคัญของกลุ่ม ซึ่งประชามติตั้งความหวังว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะออกไปใช้สิทธิ์อย่างเข้มแข็งเพื่อเลือกสมาชิกรัฐสภาที่มีความสามารถให้ช่วยกันเสริมสร้างความสามัคคีของอียู.

คำติชม